คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5755/2543

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
++ เรื่อง ยืม จำนอง ++
++ ทดสอบทำงานในเครื่อง เพื่อค้นหาข้อมูลทาง online ก่อนพิมพ์จริง++
++
++ โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ วรรคหนึ่ง
++ ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์โจทก์ว่า ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่โจทก์คิดขณะจำเลยทั้งสองผิดนัดเป็นเบี้ยปรับทั้งหมดและศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจลดจากอัตราร้อยละ 21ต่อปี ลงเหลือร้อยละ 15 ต่อปี หรือไม่
++ ในปัญหาดังกล่าวตามสัญญากู้เงินเอกสารหมาย จ.3 ข้อ 2 ได้ระบุดอกเบี้ยไว้ในอัตราร้อยละ 15.5 ต่อปีและระบุด้วยว่า จำเลยทั้งสองตกลงให้โจทก์ขึ้นหรือปรับปรุงอัตราดอกเบี้ยตามความเหมาะสมโดยไม่เกินกว่าที่กฎหมายอนุญาตได้ทันที โดยไม่ต้องแจ้งให้จำเลยทั้งสองทราบและถือว่าจำเลยทั้งสองได้ยินยอมต่อการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่การที่โจทก์ปรับอัตราดอกเบี้ยจากร้อยละ15.5 ต่อปี เป็นร้อยละ 21 ต่อปี นั้น แม้เป็นอัตราตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยและประกาศของโจทก์เอกสารหมาย จ.7 ที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยที่โจทก์เรียกเก็บจากลูกค้าในอัตราร้อยละ 21 ต่อปี แต่ก็ปรากฏว่าโจทก์ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อจำเลยทั้งสองผิดนัดชำระหนี้ ดังปรากฏตามคำเบิกความของนายณัฐคม สุขสาคร ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ว่า จำเลยผิดนัดชำระตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2540 โจทก์จึงคิดดอกเบี้ยอย่างลูกหนี้ผิดนัดในอัตราร้อยละ 21 ต่อปี ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจึงมิใช่ปรับขึ้นหรือปรับปรุงตามความเหมาะสมตามที่ระบุในสัญญา การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของโจทก์จึงเห็นเจตนาได้ว่าประสงค์จะให้เป็นค่าเสียหาย โดยกำหนดไว้ล่วงหน้าในรูปของดอกเบี้ยที่คิดเพิ่มขึ้นจากเดิม ดังนั้น เฉพาะดอกเบี้ยที่คิดเพิ่มขึ้นจากที่ระบุในสัญญากู้เงินนี้จึงเป็นเบี้ยปรับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 379 ที่ศาลจะลดลงได้ตามมาตรา 383 มิใช่เป็นเบี้ยปรับทั้งหมด ศาลจึงใช้ดุลพินิจลดดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราร้อยละ 15.5ต่อปี ตามที่ระบุในสัญญากู้เงินไม่ได้
++ การที่ศาลชั้นต้นลดอัตราดอกเบี้ยเป็นร้อยละ 15 ต่อปี จึงไม่ชอบ แต่ที่โจทก์ฎีกาขอดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 21 ต่อปีศาลฎีกาเห็นว่ายังสูงเกินส่วน เห็นควรกำหนดลดลงเป็นอัตราร้อยละ18 ต่อปี
++ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 466,580.97 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 463,909.97 บาท นับแต่วันที่ 29 พฤษภาคม 2540และดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ของต้นเงินจำนวน 2,671 บาทนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ.
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ผู้พิพากษา

ณรงค์ศักดิ์ วิจิตรสาระวงศ์
จำรูญ แสนภักดี
วสันต์ ตรีสุวรรณ

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android