คำพิพากษาย่อสั้น
ปัญหาว่าการกระทำความผิดของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมหรือเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
จำเลยขับรถจักรยานยนต์ของกลางพานางสาว ส. ผู้เสียหายนั่งซ้อนท้ายไปยังที่เกิดเหตุ ห่างบ้านผู้เสียหายประมาณ 500 เมตร เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุผู้เสียหายกระโดดลงจากรถ จำเลยเข้ามาชกท้อง 1 ที แล้วฉุดเข้าไปในป่า กอดปล้ำ จูบซอกคอ และบอกผู้เสียหายว่าให้ยอมพี่เถอะ ผู้เสียหายบอกว่าไม่ยอม จำเลยจึงจับศีรษะผู้เสียหายโขกตอไม้ที่พื้น กดศีรษะลงพื้น และนำมีดปลายแหลมออกมาขู่สั่งให้ผู้เสียหายถอดกางเกง ผู้เสียหายหลอกให้จำเลยปล่อยแล้วผู้เสียหายวิ่งหนีออกจากที่เกิดเหตุ การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ฐานกระทำอนาจาร และฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจาร และความผิดฐานกระทำอนาจารกับความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท และความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารและฐานกระทำอนาจาร จำเลยกระทำต่อเนื่องเชื่อมโยงในวาระเดียวกัน ซึ่งตามพฤติการณ์เป็นเรื่องที่จำเลยกระทำไปโดยมีเจตนาเพื่อจะกระทำชำเราผู้เสียหายเท่านั้น จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ดังนั้น ความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ฐานกระทำอนาจาร และฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารดังกล่าว จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจาร ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด
จำเลยใช้รถจักรยานยนต์ของกลางเพื่อพาผู้เสียหายไปยังที่เกิดเหตุแล้วกระทำผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ฐานกระทำอนาจาร และฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจาร รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นเพียงพาหนะที่ใช้พาไปยังที่เกิดเหตุ ไม่ใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิดโดยตรง จึงไม่อาจริบได้ แม้จำเลยมิได้ฎีกาในปัญหานี้ แต่ก็เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้