คำพิพากษาย่อสั้น
ก่อนที่โจทก์จะรับโอนที่ดินโฉนดพิพาทมาจากมารดา แม้โจทก์เคยใช้ถนนพิพาทมาก่อนก็เป็นการใช้โดยอาศัยอำนาจของเจ้าของกรรมสิทธิ์เดิมการใช้ถนนพิพาทดังกล่าวหาก่อให้เกิดสิทธิแก่โจทก์แต่อย่างใดไม่ ดังนั้นที่คู่ความนำสืบโต้เถียงกันว่า ถนนพิพาทมีมาแต่เดิมหรือไม่ จึงหาใช่ข้อสาระสำคัญแต่อย่างใดไม่ แต่ภายหลังที่จำเลยรับโอนที่ดินโฉนดพิพาทจากมารดาซึ่งมีถนนพิพาทผ่านแล้วตามฟ้องและทางนำสืบโจทก์อ้างว่า โจทก์ใช้ถนนพิพาทโดยอาศัยข้อตกลงยินยอมของจำเลยให้ใช้ได้ตลอดไปโดยไม่ต้องเสียค่าตอบแทนใด แม้จำเลยจะมิได้นำสืบปฏิเสธในข้อนี้ เพียงแต่ตั้งเงื่อนไขว่าต้องไม่เป็นการก่อความเดือดร้อนรำคาญให้แก่จำเลยและครอบครัวเท่านั้น อย่างไรก็ดีลำพังข้อตกลงยินยอมของจำเลยดังกล่าว เป็นเพียงให้สิทธิแก่โจทก์ใช้ถนนพิพาทได้โดยไม่เป็นการละเมิดเท่านั้น โจทก์ไม่มีสิทธิยกเอาความยินยอมนั้นผูกพันจำเลยตลอดไป จำเลยอาจยกเลิกไม่ให้ใช้ถนนพิพาทเสียเมื่อไรก็ได้ การที่ต่อมาจำเลยทำประตูเหล็กใส่กุญแจ ปิดประกาศกำหนดเวลาผ่านเข้าออกและทำโครงไม้คร่อมถนนพิพาทดังกล่าว ซึ่งเป็นอุปสรรคขัดขวางมิให้โจทก์ใช้ถนนพิพาทให้พอควรแก่ความจำเป็นเช่นที่เคยผ่านมา อันมีผลเท่ากับจำเลยได้ยกเลิกข้อตกลงยินยอมให้ใช้ถนนพิพาทโดยปริยาย ข้อตกลงยินยอมของจำเลยที่ให้โจทก์ใช้ถนนพิพาทโดยไม่ต้องเสียค่าตอบแทนใด ๆ จึงสิ้นสุดลง แต่โดยที่ถนนพิพาทโดยสภาพยังเป็นทางจำเป็นอยู่ เพราะที่ดินของโจทก์มีที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ ซึ่งตามฟ้องโจทก์ก็ได้บรรยายสภาพแห่งข้อหาว่า ที่ดินที่โจทก์ปลูกบ้านอยู่อาศัยนั้นตกอยู่ในวงล้อม ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ คงมีถนนพิพาทเท่านั้นที่ผ่านที่ดินของจำเลยเป็นทางออกสู่ถนนสาธารณะได้ ซึ่งสะดวก มีระยะทางสั้นและเสียหายแก่ที่ดินของจำเลยน้อยที่สุด ดังนั้นโจทก์จึงอาจใช้ถนนพิพาทได้ดังเดิมโดยอาศัยสิทธิดังที่บัญญัติไว้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1349 ซึ่งตามบทบัญญัติดังกล่าววรรคท้ายบัญญัติว่าผู้มีสิทธิจะผ่านต้องใช้ค่าทดแทนให้แก่เจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่เพื่อความเสียหายอันเกิดแต่เหตุที่มีทางผ่านนั้น โจทก์จึงต้องใช้ค่าทดแทนให้แก่จำเลย
ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1349 วรรคสาม ผู้ที่ใช้ทางผ่านต้องเลือกให้พอควรแก่ความจำเป็น กับทั้งให้คำนึงถึงที่ดินที่ล้อมอยู่ให้เสียหายแต่น้อยที่สุดที่จะเป็นได้ถ้าจำเป็น ความจำเป็นของโจทก์คือให้มีทางออกสู่ทางสาธารณะโดยสะดวกการที่จำเลยทำถนนพิพาทเป็นถนนคอนกรีต ทำรั้วคอนกรีตด้านที่ติดกับที่ดินบ้านโจทก์โดยเว้นช่องประตูเป็นทางเข้าออกกับทำประตูรั้วเหล็กด้านที่ติดริมซอยเหรียญทองแล้วโจทก์ก็ยังคงใช้ถนนพิพาทได้โดยสะดวกตลอดมา จนกระทั่งต่อมาจำเลยใส่กุญแจประตูรั้วเหล็กและทำโครงไม้คร่อมถนนพิพาทเป็นสาเหตุให้เกิดพิพาทกันเป็นคดีนี้จึงฟังไม่ได้ว่า การที่จำเลยทำกำแพงรั้วมีช่องประตูกว้างเพียง 2.80 เมตร กับการทำประตูรั้วเหล็กริมซอยเหรียญทองดังกล่าว ทำให้โจทก์ใช้ถนนพิพาทไม่ได้พอแก่ความจำเป็น กับทั้งได้คำนึงถึงในข้อที่ควรให้จำเลยได้รับความเสียหายน้อยที่สุดแล้ว จึงไม่สมควรบังคับให้จำเลยรื้อประตูรั้วเหล็กและขยายช่องกำแพงรั้วดังกล่าว เพียงแต่จำเลยต้องไม่กระทำการใดอันเป็นการขัดขวางโจทก์และบริวารในการใช้ถนนพิพาทให้พอแก่ความจำเป็นเท่านั้น