คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2366/2537

 แหล่งที่มา: สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับ จ. เข้าหุ้นส่วนซื้อที่ดินมาเพื่อจัดสรรขาย ต่อมา จ. ถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของ จ. ได้โอนที่ดินให้จำเลยที่ 2 และขอออกโฉนดที่ดินให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวโจทก์และจำเลยทั้งสองได้ตกลงกันให้โจทก์มีหุ้น 1 ใน 3 และคิดบัญชีแบ่งหุ้นกัน โจทก์ตกลงขายหุ้นส่วนของโจทก์ให้แก่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ทำหนังสือรับสภาพหนี้มอบให้โจทก์ โดยยอมผ่อนชำระเงินให้โจทก์ แต่จำเลยที่ 1 ชำระเงินไม่ครบ จึงขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินที่เหลือให้โจทก์ จำเลยทั้งสองให้การว่า จ.ไม่เคยเข้าหุ้นส่วนกับโจทก์ จำเลยทั้งสองไม่เคยตกลงให้โจทก์เข้าหุ้นในที่ดิน 1 ใน 3 และไม่เคยตกลงซื้อหุ้นและทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ไว้ ศาลชั้นต้นได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้เพียงว่า โจทก์กับ จ. เป็นหุ้นส่วนโดยชอบหรือไม่และจำเลยทั้งสองต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ เพียงใด ดังนี้ การที่ศาลอุทธรณ์แยกประเด็นขึ้นวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดตามหนังสือรับสภาพหนี้ต่อโจทก์เพียงใดหรือไม่และฟังว่าโจทก์และจำเลยทั้งสองตกลงแบ่งหุ้นกัน แล้วโจทก์ขายหุ้นให้จำเลยทั้งสอง จำเลยที่ 1ทำหนังสือรับสภาพหนี้กับสั่งจ่ายเช็คชำระหนี้ให้โจทก์แต่ชำระยังไม่ครบ จึงเป็นการที่วินิจฉัยปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับประเด็นในคำฟ้องและคำให้การนั่นเอง หาเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นไม่
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183

ผู้พิพากษา

สังเวียน รัตนมุง
นิเวศน์ คำผอง
สมาน เวทวินิจ

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android