คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1782/2537

 แหล่งที่มา: สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสิบจดทะเบียนลงชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาท หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสิบในวันนัดชี้สองสถานศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งว่าฟ้องโจทก์ขอให้ศาลเพิกถอนการโอนที่ดินโดยการฉ้อฉล และขอให้ใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมด้วย นอกจากนี้จำเลยยังต่อสู้กรรมสิทธิ์ จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ การที่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลมาอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์เป็นการไม่ถูกต้องให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลใหม่ให้ถูกต้องตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องภายใน 15 วัน นับแต่วันนี้ มิฉะนั้นถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง และให้เลื่อนการนัดชี้สองสถานโจทก์จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ให้ยกคำร้องโจทก์อุทธรณ์คำสั่ง พร้อมกับยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกา ดังนี้ คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลใหม่อย่างคดีมีทุนทรัพย์ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องภายใน 15 วัน มิฉะนั้นถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องนั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226 วรรคหนึ่ง แม้โจทก์จะโต้แย้งเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าวเป็นการที่มิได้กำหนดหรือคำนวณค่าฤชาธรรมเนียมให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 168 ก็ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 วรรคหนึ่ง และเมื่อศาลชั้นต้นยังมิได้มีคำศาลอุทธรณ์หรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีนี้ โจทก์ก็ยังไม่อาจอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นนั้นต่อศาลฎีกาโดยตรงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิได้
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 168
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226

ผู้พิพากษา

อัครวิทย์ สุมาวงศ์
ก้าน อันนานนท์
ไพศาล รางชางกูร

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android