คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2367/2533

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 

ความว่า จำเลยได้ยื่นฎีกาไว้ บัดนี้จำเลยมีความประสงค์ขอถอนฎีกา และขอรับโทษตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ โปรดอนุญาต
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 286,91 พระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี ให้ลงโทษฐานดำรงชีพ อยู่จากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณี จำคุก 7 ปี ฐานเป็นเจ้าของกิจการสถานการค้าประเวณี ปรับ 1,000 บาท รวมโทษจำคุก 7 ปีปรับ 1,000 บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 286 ที่แก้ไขแล้ว และพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 9 ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 286 ที่แก้ไขแล้ว ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 7 ปี คำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 4 ปี 8 เดือน ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับข้อหาความผิดฐานจัดหาผู้กระทำการค้าประเวณี เพื่อผู้อื่นเป็นปกติธุระ ตามพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 8
โจทก์และจำเลยต่างยื่นฎีกา (อันดับ 115,117)
คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
จำเลยยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 122)




คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ยื่นฎีกามาด้วย และศาลฎีกาทำคำพิพากษาเสร็จแล้ว จึงไม่อนุญาตให้จำเลยถอนฎีกา แจ้งให้โจทก์ทราบ
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 202
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225

ผู้พิพากษา

พัลลภ พิสิษฐ์สังฆการ
อัมพร ทองประยูร
อุดม เฟื่องฟุ้ง

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android