คำพิพากษาย่อสั้น
การที่บริษัทเงินทุน ธ. ทำสัญญาซื้อขายหนี้เงินกู้จากธนาคาร ด. ตามสัญญาซื้อขายหนี้เงินกู้โดยมีข้อตกลงว่าธนาคาร ด. ตกลงโอนสิทธิและหน้าที่ตามสัญญากู้เงินและกู้เบิกเงินเกินบัญชีทั้งหมดให้แก่บริษัทเงินทุน ธ. เมื่อธนาคาร ด. เป็นเจ้าหนี้จำเลยทั้งห้าในมูลหนี้เงินกู้และมูลหนี้เบิกเงินเกินบัญชี และสิทธิการเป็นเจ้าหนี้ของธนาคาร ด. เป็นสิทธิที่อยู่ในสภาพเปิดช่องให้โอนกันได้ มิใช่สิทธิเฉพาะตัวหรือมีกฎหมายห้ามโอน การโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้รายนี้ย่อมกระทำได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 303 ทั้งการโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวมิได้มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งตามกฎหมายตามมาตรา 150 ธนาคาร ด. จึงสามารถโอนสิทธิเรียกร้องตามสัญญากู้เงินและสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีให้แก่บริษัทเงินทุน ธ. ได้ แม้บริษัทเงินทุน ธ. มิได้เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ตาม พ.ร.ก.บริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ.2541 แต่ไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดห้ามโอนสิทธิเรียกร้องที่เป็นหนี้ด้อยคุณภาพว่าจะต้องเป็นไปแต่เฉพาะตามกฎหมายพิเศษนอกเหนือจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และแม้บริษัทเงินทุน ธ. จะทำสัญญาซื้อหนี้เงินกู้จากธนาคาร ด. ภายหลังธนาคาร ด. ฟ้องคดีแล้ว โจทก์จึงรับโอนสิทธิเรียกร้องของธนาคาร ด. ได้ เนื่องจากโจทก์เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์สามารถยื่นคำร้องขอเข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนธนาคาร ด. ในคดีนี้ได้โดยชอบตาม พ.ร.ก.บริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ.2541 และแม้จะมิได้บอกกล่าวการโอนไปยังจำเลยที่ 1 และที่ 5 หรือจำเลยที่ 1 และที่ 5 ไม่ได้ยินยอมด้วยในการโอนนั้น มีผลเพียงว่าโจทก์ในฐานะผู้รับโอนจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้จำเลยที่ 1 และที่ 5 ไม่ได้เท่านั้น หาได้ทำให้การโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวไม่สมบูรณ์แต่อย่างใด
ร. เป็นพนักงานสินเชื่อของโจทก์ มีหน้าที่ติดตามดูแลลูกค้าของโจทก์ สาขาราชประสงค์ และได้ตรวจสอบเอกสารของลูกค้ารวมทั้งฝ่ายจำเลยคดีนี้ และ ว. เป็นพนักงานบัญชีของโจทก์ มีหน้าที่ควบคุมดูแลฝ่ายบัญชีลูกค้าของโจทก์ รวมทั้งตรวจสอบเอกสารของลูกค้า ได้เบิกความรับรองพยานเอกสารว่ามีอยู่จริงและถูกต้อง แม้พยานโจทก์จะมิได้รู้เห็นขณะทำพยานเอกสาร แต่เป็นผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับพยานเอกสาร และเมื่อได้ตรวจสอบเอกสารต่าง ๆ แล้วก็สามารถรับรองความถูกต้องแท้จริงได้ การที่ศาลล่างทั้งสองรับฟังคำเบิกความของพยานทั้งสองจึงไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 95 (2)