คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21429/2556

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 28 เม.ย. 2558 15:30:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 จำคุก 4 ปี และปรับ 250,000 บาท หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ. มาตรา 29, 30 คดีถึงที่สุดแต่จำเลยไม่ชำระค่าปรับ พนักงานอัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีเพื่อยึดหรืออายัดทรัพย์สินของจำเลยมาชำระค่าปรับ ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีมีหนังสือแจ้งอายัดเงินฝากธนาคารของจำเลยเพื่อนำมาชำระค่าปรับ จำเลยจึงยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นถอนการอายัดเงินฝากธนาคารโดยอ้างว่า ได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2555 ไม่อาจบังคับโทษปรับแก่จำเลยได้อีกนั้น เป็นคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด การที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการอายัดเงินเพื่อชำระค่าปรับ จึงอยู่ในบังคับของ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 18 วรรคหนึ่ง และมาตรา 19 วรรคหนึ่ง ที่วางหลักเกณฑ์ว่า ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาหรือมีคำสั่งในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามมาตรา 18 วรรคหนึ่งแล้ว คู่ความอาจยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องไปพร้อมกับฎีกาต่อศาลฎีกาภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่านหรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลนั้นให้คู่ความฝ่ายที่ขออนุญาตฎีกาฟัง เพื่อขอให้พิจารณารับฎีกาไว้วินิจฉัยก็ได้ ดังนั้น เมื่อจำเลยฎีกาโดยไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรา 19 วรรคหนึ่ง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดจึงเป็นที่สุดตามมาตรา 18 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาจำเลยจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย พิพากษายกฎีกาจำเลย
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พุทธศักราช 2550 มาตรา 18
  • พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พุทธศักราช 2550 มาตรา 19

ผู้พิพากษา

ไมตรี สุเทพากุล
เกษม เกษมปัญญา
โสฬส สุวรรณเนตร์

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android