คำพิพากษาย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ปัญหาข้อกฎหมายตามที่จำเลยฎีกา เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน ของศาล จึงเป็นการโต้แย้งปัญหาข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ข้อกฎหมาย ฎีกาของจำเลยจึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 และพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 จึงไม่รับฎีกาจำเลย จำเลยเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติแล้วว่า เช็คตามเอกสารหมาย จ.1 จำเลยไม่ได้เป็นผู้ลงวันที่สั่งจ่ายจึงถือได้ว่าไม่มีวันที่จำเลยกระทำความผิดอาญา ฎีกาของจำเลยจึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายโดยตรง โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไปด้วย หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้อง แล้วหรือไม่ ระหว่างพิจารณา นายพิทักษ์ ตติยบวรชัย ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 จำคุก 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุก 5 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 157) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 158)
คำสั่ง คดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คตามเอกสารหมาย จ.1ชำระหนี้ให้โจทก์ร่วม โดยไม่เชื่อว่าจำเลยจะมอบเช็คนั้นให้ นายกำธรตติยบวรชัยยืมไปแล้วนายกำธรไปลงจำนวนเงินและวันที่ที่สั่งจ่ายลับหลังจำเลย เมื่อเช็คนั้นถูกธนาคาร ปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะเงินในบัญชีของจำเลยมีไม่พอจ่าย จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง ที่จำเลยฎีกาในทำนองว่าจำเลยไม่ได้ลงวันที่สั่งจ่ายในเช็คเอกสารหมาย จ.1 นายกำธรเป็นผู้กรอกวันที่สั่งจ่ายในเช็คเอง เช็คนั้นไม่มีวันที่ผู้ออกเช็ค กระทำความผิดอาญา เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้น สั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว