คำพิพากษาย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ (ก) เมื่อระหว่างวันที่ 30 เมษายน 2547 ถึง 5 พฤษภาคม 2547 จำเลยกับพวกร่วมกันมีเฮโรอีน 30 แท่ง ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย (ข) เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2547 จำเลยกับพวกร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนดังกล่าวในข้อ (ก) 15 แท่ง ให้แก่ อ. และ บ. ในราคา 2,100,000 บาท (ค) เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2547 จำเลยกับพวกร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนดังกล่าวในข้อ (ก) 15 แท่ง ให้แก่ อ. และ บ. ในราคา 2,100,000 บาท ดังนี้ฟ้องโจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดแล้วว่าจำเลยกระทำความผิดสามกรรมต่างวาระกัน ซึ่งเป็นกรณีที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องเท่ากับจำเลยยอมรับแล้วว่าได้กระทำความผิดสามกรรมต่างกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน หาใช่กรรมเดียวไม่
โจทก์ฟ้องจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยกับพวกร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนสองกรรมตามฟ้อง จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาโดยมิได้อุทธรณ์ว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบประกอบคำรับสารภาพของจำเลยไม่อาจรับฟังลงโทษจำเลยฐานร่วมกับพวกมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนสองกรรมตามฟ้องได้ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยกับพวกร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนสองกรรมตามฟ้อง ทั้งศาลอุทธรณ์ก็ได้พิพากษายืนในส่วนนี้ การที่จำเลยฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่น จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสอง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย