คำพิพากษาย่อสั้น
นิติสัมพันธ์ของผู้ร้องกับผู้คัดค้านสำหรับที่ดินพิพาทตามสัญญาที่มีต่อกันครั้งล่าสุดเป็นเพียงสัญญาจะซื้อขาย การครอบครองที่ดินพิพาทจึงเป็นการครอบครองโดยอาศัยสิทธิของผู้คัดค้านอันเป็นการยึดถือที่ดินพิพาทแทนผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เท่านั้น หากผู้ร้องประสงค์จะเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งการยึดถือ ผู้ร้องก็ชอบที่จะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 1381 โดยบอกกล่าวไปยังผู้คัดค้านว่าผู้ร้องไม่มีเจตนาจะยึดถือที่ดินพิพาทแทนผู้คัดค้านอีกต่อไป
กรณีที่ผู้คัดค้านฟ้องผู้ร้องเพื่อให้ยินยอมให้ผู้คัดค้านไถ่ถอนจำนองที่ดินพิพาทซึ่งคดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1428/2530 นั้น คำพิพากษาในคดีดังกล่าวซึ่งแม้จะผูกพันผู้ร้องกับผู้คัดค้านตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 วรรคหนึ่ง และอาจจะก่อให้เกิดสิทธิแก่ผู้ร้องที่จะดำเนินการบังคับผู้คัดค้านให้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องตามสัญญาจะซื้อขายที่มีต่อกันหากผู้ร้องปฏิบัติตามหน้าที่ของผู้จะซื้อครบถ้วนแล้วก็ตาม แต่จะให้รับฟังข้อเท็จจริงถึงขั้นว่าหากผู้ร้องเป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทภายหลังจากเสร็จคดีตลอดมา ก็จะต้องถือว่าโดยพฤติการณ์เป็นการบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือที่ดินพิพาทมาเป็นยึดถือเพื่อตนแล้วหาได้ไม่ เพราะเป็นการรับฟังข้อเท็จจริงต่างประเด็นกัน ฉะนั้น จึงไม่อาจนับระยะเวลาการครอบครองที่ดินพิพาทมาเป็นเหตุให้ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382