คำพิพากษาย่อสั้น
โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดมี ก. เป็นกรรมการเพียงคนเดียวก. จึงมีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ รวมทั้งมีอำนาจแต่งตั้งทนายความให้ฟ้องคดีและแม้ว่าวัตถุประสงค์ของโจทก์จะไม่ได้ระบุว่าโจทก์มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินคดีแต่อำนาจในการฟ้องคดีแพ่งย่อมเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55 เมื่อปรากฏว่าโจทก์มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายแพ่งโจทก์จึงชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลส่วนแพ่งที่มีเขตอำนาจได้
โจทก์ระบุข้อหาหรือฐานความผิดว่าเอกเทศสัญญา และบรรยายฟ้องว่าจำเลยทำสัญญาสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ แต่โจทก์ได้บรรยายฟ้องมีรายละเอียดว่าจำเลยมอบแม่พิมพ์ให้โจทก์ผลิตสินค้ากล่องพลาสติกรูปบ้าน รูปหุ่นยนต์ และรูปโทรศัพท์เป็นชุดโจทก์ผลิตสินค้าดังกล่าวให้จำเลยแล้ว และโจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแม่พิมพ์ให้จำเลย แต่จำเลยไม่ชำระค่าสินค้าและค่าซ่อมแม่พิมพ์ให้โจทก์ จึงขอให้บังคับจำเลยชำระค่าสินค้าและค่าซ่อมแม่พิมพ์ดังกล่าว ซึ่งจำเลยสามารถเข้าใจคำฟ้องของโจทก์และต่อสู้คดีได้ถูกต้อง ส่วนจะเข้าลักษณะข้อหาหรือฐานความผิดใดนั้น ศาลสามารถวินิจฉัยได้เอง คำฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
แม่พิมพ์ที่จำเลยมอบให้โจทก์ผลิตสินค้ามีสภาพชำรุดบกพร่อง จำเลยยินยอมให้โจทก์นำช่างมาซ่อมได้เสียค่าซ่อมเป็นเงิน 103,000 บาท จำเลยชำระค่าซ่อมให้โจทก์แล้ว 87,500 บาท ค้างชำระอีก 15,500 บาท ซึ่งโจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้ แต่โจทก์เรียกร้องเงินในส่วนนี้เพียง 15,000 บาท ฉะนั้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชำระค่าซ่อมแม่พิมพ์ที่ค้างเป็นเงิน 15,500 บาท จึงเกินคำขอต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 และเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาจึงใช้อำนาจตามมาตรา 142(5)ประกอบด้วยมาตรา 246 และ 247 หยิบยกขึ้นวินิจฉัยแก้ไขเสียให้ถูกต้อง