คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8137/2543

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 

พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 98(2)หมายความว่า หากมีกรณีที่สมาชิกสหภาพแรงงานถูกบุคคลใดรวมทั้งนายจ้างกระทำการโต้แย้งสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 31 ทำให้สมาชิกสหภาพแรงงานได้รับความเสียหายสหภาพแรงงานย่อมมีอำนาจฟ้องคดีต่อศาลเพื่อประโยชน์แก่สมาชิกสหภาพแรงงานรายนั้นได้ทันที แต่ถ้าเป็นการฟ้องคดีในเรื่องที่อาจกระทบกระเทือนถึงส่วนได้เสียของสมาชิกเป็นส่วนรวมมาตรา 103(2) บัญญัติให้สหภาพแรงงานจะดำเนินการฟ้องศาลได้ต่อเมื่อมีมติของที่ประชุมใหญ่ของสมาชิกสหภาพแรงงาน
โจทก์ทั้งสามฟ้องว่า ในระหว่างการเจรจาข้อเรียกร้องที่สหภาพแรงงานโจทก์ที่ 1 ยื่นต่อจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2มีคำสั่งโยกย้ายโจทก์ที่ 2 และโจทก์ที่ 3 อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 31 เท่ากับโจทก์ทั้งสามกล่าวอ้างว่า โจทก์ที่ 2 และโจทก์ที่ 3 ซึ่งเป็นสมาชิกของโจทก์ที่ 1ถูกจำเลยทั้งสองโต้แย้งสิทธิแล้ว โจทก์ที่ 1 ในฐานะเป็นสหภาพแรงงานย่อมมีอำนาจตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 98(2) ที่จะฟ้องศาลเพื่อประโยชน์ของโจทก์ที่ 2 และโจทก์ที่ 3ได้ทันทีโดยไม่ต้องมีมติของที่ประชุมใหญ่ของสมาชิกสหภาพแรงงานโจทก์ที่ 1 เนื่องจากเป็นการฟ้องคดีเพื่อประโยชน์ของสมาชิกเป็นการเฉพาะราย โจทก์ที่ 1 ย่อมมีอำนาจฟ้องในนามตนเองได้
บทบัญญัติตามมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์พ.ศ. 2518 มีเจตนารมณ์ให้ความคุ้มครองแก่ลูกจ้าง ผู้แทนลูกจ้าง กรรมการ อนุกรรมการหรือสมาชิกสหภาพแรงงาน หรือกรรมการหรืออนุกรรมการสหพันธ์แรงงาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง มิให้ถูกนายจ้างกลั่นแกล้งโดยการเลิกจ้างหรือโยกย้ายหน้าที่ในระหว่างการเจรจาข้อเรียกร้อง การไกล่เกลี่ยหรือการชี้ขาดข้อพิพาทแรงงานเว้นแต่ที่บัญญัติไว้ใน (1) ถึง (4) ในขณะเดียวกันนายจ้างก็มีอำนาจในการบริหารและบังคับบัญชาลูกจ้าง ดังนั้น หากนายจ้างมีเหตุผลอื่นอันจำเป็นและสมควรในการบริหารนอกเหนือจากเหตุ 4 ประการนี้ซึ่งไม่ใช่เป็นการกลั่นแกล้งบุคคลดังกล่าว นายจ้างก็มีสิทธิที่จะยกเหตุนั้นเพื่อเลิกจ้างหรือโยกย้ายหน้าที่บุคคลดังกล่าวในระหว่างการเจรจาข้อเรียกร้อง การไกล่เกลี่ย หรือการชี้ขาดข้อพิพาทแรงงานได้ หาเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 31 ไม่
จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 มีคำสั่งโยกย้ายหน้าที่โจทก์ที่ 2เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุร้ายแรง เนื่องจากโจทก์ที่ 2 พูดข่มขู่จะใช้อาวุธปืนยิงผู้จัดการสาขา และโยกย้ายหน้าที่โจทก์ที่ 3 ตามวาระโดยสุจริต เนื่องจากจำเลยที่ 1 มีนโยบายไม่ให้พนักงานทำงานประจำแต่ละสาขานานเกินไปเพื่อไม่ให้สนิทสนมคุ้นเคยกับลูกค้าซึ่งอาจเกิดการเอื้อประโยชน์และนำไปสู่การทุจริตขึ้นได้ ประกอบกับในช่วงเวลาเดียวกัน จำเลยที่ 1 มีคำสั่งโยกย้ายสับเปลี่ยนพนักงานถึง 1,000คนเศษ ทั้งที่เป็นสมาชิกและไม่ได้เป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน โจทก์ที่ 1และโจทก์ที่ 2 กับโจทก์ที่ 3 ไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาข้อเรียกร้องโดยตรง การที่จำเลยที่ 1 โยกย้ายหน้าที่โจทก์ที่ 2 และโจทก์ที่ 3 จึงไม่กระทบกระเทือนต่อการเจรจาข้อเรียกร้องและไม่เป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ที่ 2 กับโจทก์ที่ 3 การที่จำเลยที่ 1ใช้อำนาจบริหารที่เหมาะสมและไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสองเพราะเหตุที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง แม้เหตุโยกย้ายโจทก์ที่ 2และโจทก์ที่ 3 ดังกล่าวข้างต้นจะไม่ใช่เหตุตาม (1) ถึง (4) ในมาตรา 31แต่ก็ถือได้ว่าเป็นเหตุอันจำเป็นและสมควร จำเลยที่ 1 มีสิทธิยกขึ้นเป็นเหตุโยกย้ายหน้าที่โจทก์ที่ 2 และโจทก์ที่ 3 ได้ ไม่เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 31
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
  • พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 31
  • พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 98
  • พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31

ผู้พิพากษา

พูนศักดิ์ จงกลนี
กมล เพียรพิทักษ์
ปัญญา สุทธิบดี

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android