คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6512/2543

 แหล่งที่มา: สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 

สำนวนแรกโจทก์ที่ 1 ฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ร่วมกันใช้เงิน 173,143 บาท และโจทก์ที่ 2 ขอให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3ร่วมกันใช้เงิน 148,132 บาท ส่วนสำนวนหลังจำเลยที่ 3 ฟ้องขอให้โจทก์กับจำเลยที่ 4 ร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 37,006 บาท ศาลชั้นต้นยกฟ้องคดีแรก และคดีหลังพิพากษาให้โจทก์ที่ 1 กับจำเลยที่ 4ร่วมกันชำระเงิน 37,006 บาท แก่จำเลยที่ 3 สำนวนแรกคู่ความจึงถูกห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ส่วนสำนวนหลังคู่ความจึงถูกห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์และฎีกาทั้งสองสำนวนทำนองเดียวกันว่า โจทก์ทั้งสองไม่ได้ปล่อยปละละเลยในการดำเนินคดีแต่ติดขัดเพราะการดำเนินการขอคัดถ่ายเอกสาร ขอให้อนุญาตให้โจทก์ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นภายในเวลาที่ศาล(ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาตามลำดับ) กำหนดเป็นอุทธรณ์และฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แม้เป็นอุทธรณ์และฎีกาในปัญหาในชั้นดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้น ก็ต้องถือทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกามาพิจารณาว่าต้องห้ามอุทธรณ์และฎีกาหรือไม่ เมื่อสำนวนแรกมีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน200,000 บาท ฎีกาของโจทก์ทั้งสองจึงต้องห้าม ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ส่วนสำนวนหลังมีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ไม่เกิน50,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองในข้อเท็จจริงจึงไม่ชอบ ถือว่าข้อเท็จจริงเป็นอันยุติไปตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นแล้ว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249

ผู้พิพากษา

วิเทพ ศิริพากย์
ระพินทร บรรจงศิลป
ชวลิต ศรีสง่า

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android