คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7893/2542

 แหล่งที่มา: สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 

โจทก์ทำสัญญาจ้างจำเลยที่ 1 ให้ก่อสร้างคลองส่งน้ำพร้อมอาคารแบ่งงวดงานออกเป็น 3 งวด จำเลยที่ 1 ได้ส่งมอบงานงวดที่ 1 เพียงงวดเดียวหลังจากนั้นไม่ดำเนินงานต่อไปจนโจทก์ต้องขยายระยะเวลาให้จำเลยที่ 1 ออกไปอีก 180 วัน เมื่อครบกำหนดจำเลยที่ 1 ยังคงเพิกเฉยไม่ดำเนินการก่อสร้างต่อ แม้โจทก์จะมีหนังสือ 3 ฉบับ เร่งรัดให้จำเลยที่ 1 รีบดำเนินการมิฉะนั้นจะพิจารณาบอกเลิกสัญญาก็ตาม แต่จำเลยที่ 1 ก็มิได้ดำเนินการตามที่เร่งรัดแต่ประการใด พฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลยที่ 1 จึงย่อมจะต้องอยู่ในความรู้เห็นของโจทก์โดยตลอดและเล็งเห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 น่าจะต้องละทิ้งงานและเกิดความเสียหายขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งโจทก์อาจใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาได้ทันทีแต่ต้นเพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายเพิ่มมากยิ่งขึ้น แต่โจทก์กลับละเลยไม่ใช้สิทธิดังกล่าวจนครบกำหนดอายุสัญญาและยังปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปอีกถึง 648 วัน โดยไม่ปรากฏเหตุผลสำคัญให้เห็นถึงเหตุขัดข้องที่กระทำดังกล่าว โจทก์เพิ่งจะมาทำสัญญาว่าจ้าง ห้างหุ้นส่วนจำกัด อ. ให้ทำการก่อสร้างต่อในส่วนที่เหลือหลังจากที่โจทก์บอกเลิกสัญญาแก่จำเลยที่ 1แล้วเป็นเวลา 8 เดือนเศษ โดยไม่ปรากฏเหตุผลที่ล่าช้า ความล่าช้าต่าง ๆ อันมีผลทำให้ราคาก่อสร้างทวีสูงขึ้นตามระยะเวลาที่ผ่านไปนั้นเกิดจากการดำเนินงานของโจทก์รวมอยู่ด้วย ดังนั้น แม้โจทก์จะมีสิทธิปรับจำเลยที่ 1 และมีสิทธิเรียกค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นเพราะจ้างบุคคลอื่นทำการก่อสร้างต่อจากจำเลยตามสัญญาจ้างก็ตาม แต่ก็ถือว่าเงินค่าปรับตามที่คู่สัญญากำหนดไว้ และค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวนั้นเป็นการกำหนดค่าสินไหมทดแทนเพื่อการที่จะชดใช้บรรเทาความเสียหายอันอาจจะมีหรือเกิดขึ้นกรณีมีการผิดสัญญาไว้ล่วงหน้าเป็นเบี้ยปรับซึ่งถ้าเบี้ยปรับนั้นสูงเกินส่วน ศาลจะลดลงเป็นจำนวนพอสมควรก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 วรรคหนึ่ง ศาลจึงใช้ดุลพินิจลดจำนวนเบี้ยปรับลงเป็นจำนวนที่พอสมควรได้
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 386

ผู้พิพากษา

ประชา ประสงค์จรรยา
อรพินท์ เศรษฐมานิต
สุรพล เจียมจูไร

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android