คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2542

 แหล่งที่มา: สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายเพียงฝ่ายเดียวรวมสองครั้งต่างกรรมต่างวาระกัน เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ดังฟ้อง ของโจทก์ จำเลยจะมาโต้เถียงในชั้นฎีกาว่าผู้เสียหายกับจำเลย ต่างฝ่ายต่าง ทะเลาะตอบโต้ กันไปมาในลักษณะชุลมุน ผู้เสียหาย จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ไม่อาจร้องทุกข์ต่อพนักงาน สอบสวนได้ การสอบสวนจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายหาได้ไม่ เพราะเป็น การโต้เถียงข้อเท็จจริงที่จำเลยให้การรับสารภาพแล้ว ทั้งยังเป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ในชั้นฎีกาซึ่งเป็น ปัญหาที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและ ศาลอุทธรณ์อีกด้วย ฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบ ด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 การลงโทษจำคุกระยะสั้น นอกจากจะไม่เกิดผลในการแก้ไข ให้จำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดีแล้วยังทำให้จำเลยกลายเป็นคน มีประวัติเสื่อมเสีย เมื่อพ้นโทษแล้วก็ยากที่จะกลับตัว ประกอบสัมมาชีพโดยสุจริตต่อไปได้ ซึ่งย่อมส่งผลต่อสังคม โดยรวม เมื่อจำเลยที่ 3 และที่ 4 ยังเป็นผู้เยาว์ ส่วน จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 5 ก็เพิ่งพ้นจากสภาวะการเป็นผู้เยาว์ และจำเลยทั้งห้ากระทำความผิดคดีนี้เป็นครั้งแรก การให้ โอกาสจำเลยทั้งห้าได้กลับตัวเป็นพลเมืองดีโดยรอการลงโทษ และคุมประพฤติไว้น่าจะเป็นผลดีแก่จำเลยทั้งห้าและสังคม ส่วนรวมมากกว่า ประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งห้า เคยรับโทษจำคุกมาก่อนจึงมีเหตุอันสมควรรอการลงโทษให้แก่ จำเลยทั้งห้า แต่เพื่อให้จำเลยทั้งห้าหลาบ จำ จึงสมควรปรับจำเลยทั้งห้าอีกสถานหนึ่งด้วย
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15

ผู้พิพากษา

วิชัย ชื่นชมพูนุท
สุรินทร์ นาควิเชียร
อมร วีรวงศ์

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android