คำพิพากษาย่อสั้น
ข้อพิพาทตามสัญญาซื้อขายน้ำยางข้นทั้งยี่สิบสามฉบับระหว่าง ท. ซึ่งเป็นผู้ซื้อกับผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้ขาย ที่ได้ยื่นเสนอให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัยชี้ขาดนั้น เป็นสัญญาที่ทำกันขึ้นขณะที่ ท. ยังเป็นหน่วยงานหนึ่งของผู้ร้องและยัง มิได้โอนไปเป็นหน่วยงานของบริษัท อ. สิทธิและหน้าที่ที่เกิดขึ้นจากสัญญาทั้งยี่สิบสามฉบับจึงเป็นสิทธิและหน้าที่ ที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้าน แม้ในระหว่างที่สัญญายังมีผลผูกพันอยู่ ท. จะไม่เป็นหน่วยงานของผู้ร้องต่อไปแล้ว แต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานหรือพฤติการณ์อย่างใด ๆ อันแสดงให้เห็นว่าได้มีการโอนสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาทั้งยี่สิบสามฉบับจากผู้ร้องไปยังบริษัท อ. ด้วย เมื่อมีการกล่าวอ้างว่าผู้คัดค้านไม่ปฏิบัติตามสัญญา ผู้ร้องในฐานะคู่สัญญาย่อมมีสิทธินำข้อพิพาทเสนอให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัยชี้ขาดได้ เมื่อบริษัทผู้ร้องมีหนังสือไปถึงสมาคมการค้ายางนานาชาติเพื่อขอให้ตั้งอนุญาโตตุลาการในคดีนี้ และสมาคมการค้ายางนานาชาติได้ดำเนินการแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการตามที่ได้ยื่นเสนอไป ย่อมฟังได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้ยื่นเสนอข้อพิพาทคดีนี้ให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัยตามสัญญาซื้อขายน้ำยางข้นระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้าน รวม 23 ฉบับ ซึ่งระบุให้คู่สัญญาปฏิบัติตามระเบียบของสมาคมการค้ายางนานาชาติในกรณีมีข้อพิพาทเกิดขึ้น โดยต้องมอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการ ณ กรุงลอนดอน เป็นผู้ทำการชี้ขาด และกระบวนการเสนอแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการในคดีนี้ได้ดำเนินการไปอย่างถูกต้องตามระเบียบและข้อบังคับของสมาคมดังกล่าวแล้ว เมื่ออนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดแล้ว ผู้ร้องย่อมยื่นคำร้องขอต่อศาลที่มีเขตอำนาจให้บังคับตามคำชี้ขาดนั้นได้ ตาม พ.ร.บ. อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2530 มาตรา 30
คดีนี้ผู้ร้องร้องขอให้บังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการต่างประเทศที่อยู่ในบังคับแห่งอนุสัญญาว่าด้วยการยอมรับนับถือและการใช้บังคับคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการต่างประเทศฉบับนครนิวยอร์ค ลงวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) ซึ่งศาลมีอำนาจทำคำสั่งปฏิเสธการขอบังคับตามคำชี้ขาดเสียได้ต่อเมื่อผู้คัดค้านซึ่งจะถูกบังคับสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีกรณีตามที่ระบุไว้ในอนุมาตรา (1) ถึง (6) ของมาตรา 34 แห่ง พ.ร.บ. อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2530 กรณีใดกรณีหนึ่ง หรือมีกรณีที่ระบุไว้ในมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าว ข้อที่ผู้คัดค้านฎีกาว่า ผู้คัดค้านไม่เคยทำสัญญาซื้อขายน้ำยางข้นกับผู้ร้องนั้น ไม่ใช่กรณีที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ. อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2530 มาตรา 34 และ 35 ทั้งอนุญาโตตุลาการต่างประเทศได้วินิจฉัยไว้แล้วว่าผู้ร้องกับผู้คัดค้านทำสัญญาซื้อขายน้ำยางข้นกันจำนวนยี่สิบสามฉบับ และผู้คัดค้านเป็นฝ่ายผิดสัญญา ที่ผู้คัดค้านฎีกาดังกล่าวก็เพื่อให้ศาลมีคำสั่งปฏิเสธการขอบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ แต่เมื่อเหตุที่ผู้คัดค้านฎีกาดังกล่าวไม่ใช่เหตุใดเหตุหนึ่งที่ศาลอาจมีคำสั่งปฏิเสธการบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการได้ จึงเป็นข้อที่ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่อาจรับวินิจฉัยเพื่อพิจารณาทบทวนคำชี้ขาดในข้อดังกล่าวนั้นได้อีก
แม้ พ.ร.บ. อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2530 มาตรา 20 จะกำหนดไว้ว่า คำชี้ขาดต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่ออนุญาโตตุลาการ โดยระบุเหตุผลแห่งข้อวินิจฉัยทั้งปวงไว้โดยแจ้งชัด แต่ก็เป็นบทบัญญัติที่ใช้บังคับแก่คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการภายในประเทศเท่านั้น ไม่มีบทมาตราใดตามพระราชบัญญัตินี้ให้นำมาใช้บังคับแก่คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการต่างประเทศด้วย และตามมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวซึ่งนำมาใช้บังคับแก่คดีนี้ ก็ระบุให้ศาลอาจทำคำสั่งปฏิเสธไม่บังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการต่างประเทศในส่วนที่เกี่ยวกับความถูกต้องของคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการต่างประเทศได้แต่เพียงว่า คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการต่างประเทศวินิจฉัยเกินขอบเขตแห่งข้อตกลงในการเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 34 (4) เท่านั้น ดังนี้ แสดงให้เห็นว่าคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการในคดีนี้ไม่จำต้องระบุเหตุผลแห่งคำวินิจฉัยไว้ด้วยเสมอไป
ในคำร้องขอข้อ 6 ซึ่งเป็นข้อสุดท้ายมีข้อความว่า ผู้ร้องไม่มีทางอื่นใดที่จะบังคับให้ผู้คัดค้านชำระหนี้ให้แก่ผู้ร้องตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการต่างประเทศได้ จึงต้องยื่นคำร้องขอนี้ต่อศาลเพื่อขอให้ศาลไต่สวนและมีคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการต่างประเทศ โดยชำระเงินจำนวน 15,320,332.56 บาท ให้ผู้ร้อง พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันยื่นคำร้องขอนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระให้ผู้ร้องครบถ้วน เห็นได้ชัดเจนว่าผู้ร้องได้ขอให้บังคับผู้คัดค้านชำระเงินแก่ผู้ร้องเป็นเงินไทย โดยคิดอัตราแลกเปลี่ยนเงินในวันยื่นคำร้องขอจำนวน 15,320,332.56 บาท ไม่ใช่เงินตราต่างประเทศ ทั้งไม่อาจตีความหมายถ้อยคำตามคำร้องขอข้อ 6 ดังกล่าวว่าไม่ใช่คำขอบังคับ เป็นแต่เพียงเพื่อประโยชน์ในการคิดค่าขึ้นศาลเท่านั้นได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ผู้คัดค้านชำระเงินแก่ผู้ร้องเฉพาะจำนวนเงินตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการรวมยี่สิบสามฉบับเท่านั้น ไม่รวมดอกเบี้ยนับถึงวันฟ้องตามคำร้องขอของผู้ร้อง โดยให้ชำระเป็นเงินตราต่างประเทศ แม้จะกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงินไทยมาด้วย ก็เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำร้องขอ ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 142