คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4915/2542

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
เดิมโจทก์ที่ 1 ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาท ต่อมาโจทก์ที่ 1 กับจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่าที่ดินพิพาทด้านทิศตะวันออกเนื้อที่ 6 ไร่ 2 งาน ให้เป็นของจำเลย ที่ดินส่วนที่เหลือให้เป็นของโจทก์ที่ 1 ศาลพิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุดแล้ว หลังจากนั้นโจทก์ที่ 1 ยกที่ดินพิพาทส่วนของตนให้แก่โจทก์ที่ 2 ซึ่งเป็นบุตร ในคดีดังกล่าวเมื่อจำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปรังวัดแบ่งแยกที่ดินพิพาทให้จำเลยตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการบังคับคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์ที่ 1 โจทก์ทั้งสองจึงฟ้องคดีนี้ สำหรับโจทก์ที่ 1 หากไม่เห็นด้วยกับคำสั่งศาลชั้นต้นในคดีก่อนดังกล่าว โจทก์ที่ 1 ก็ชอบที่จะใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาต่อไปในคดีเดิม เมื่อโจทก์ที่ 1 มาฟ้องคดีนี้อีก ย่อมเห็นได้ว่าประเด็นที่ต้องวินิจฉัยเป็นประเด็นข้อเดียวกันกับประเด็นในคดีเดิมที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดไปแล้ว การฟ้องคดีนี้ของโจทก์ที่ 1 จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ในส่วนของโจทก์ที่ 2 นั้น แม้จะมิได้เป็นคู่ความในคดีเดิมก็ตาม แต่โจทก์ที่ 2 ได้รับการยกให้ที่ดินพิพาทจากโจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นคู่ความในคดีเดิมภายหลังการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ จึงเป็นผู้สืบสิทธิในที่ดินพิพาทมาจากโจทก์ที่ 1 ต้องถือว่าเป็นคู่ความในคดีเดิม และต้องผูกพันตามคำสั่งศาลในคดีเดิมด้วย การฟ้องคดีนี้ของโจทก์ที่ 2 ย่อมเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำเช่นเดียวกัน
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144

ผู้พิพากษา

วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์
ผล อนุวัตรนิติการ
สายันต์ สุรสมภพ

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android