คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8174/2538

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
คดีแดงที่ 8174-8176/2538
คดีสำนวนที่สองสำหรับโจทก์ที่ 4 นั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ที่ 4 โดยฟังข้อเท็จจริงว่าเหตุละเมิดเกิดขึ้นเพราะความประมาทของจำเลยที่ 2 ฝ่ายเดียว จำเลยที่ 1 หาได้มีส่วนประมาทด้วยไม่ จำเลยที่ 1 และโจทก์ที่ 2 ซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ที่ 4 ดังนั้นการที่โจทก์ที่ 4 ฎีกาว่า ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยที่ 1 และโจทก์ที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 4 เพียง 2,500 บาท เป็นการไม่ถูกต้อง เพราะโจทก์ที่ 4มีสิทธิได้รับชดใช้ค่าเสียหายจากผู้กระทำละเมิดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายเต็มจำนวน 5,000 บาท เช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการที่โจทก์ที่ 4 ฎีกาขอให้วินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายประมาทกระทำละเมิดต่อโจทก์ที่ 4 ด้วย จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 4 นั่นเอง อันเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง เมื่อจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาสำหรับคดีสำนวนที่สองไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 248 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ฎีกาของโจทก์ที่ 3 และจำเลยที่ 2 ในสำนวนแรกนั้น โจทก์ที่ 3 และจำเลยที่ 2 ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์ที่ 3 และจำเลยที่ 2 ร่วมกันใช้ค่าเสียหายจำนวน 172,881.25 บาทแก่โจทก์ที่ 1 คดีจึงมีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ.มาตรา 248 วรรคหนึ่ง เช่นกัน ที่โจทก์ที่ 3 และจำเลยที่ 2 ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 มีส่วนประมาทเลินเล่อมากกว่าจำเลยที่ 2ค่าเสียหายของโจทก์ที่ 1 มีเพียงใด และโจทก์ที่ 3 ควรมีสิทธิได้รับค่าเสียหายหรือไม่ โจทก์ที่ 3 กับจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 หรือไม่ ล้วนแต่เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ส่วนฎีกาข้อกฎหมายของโจทก์ที่ 3 และจำเลยที่ 2 ในข้อที่ว่า การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เหตุละเมิดมิได้เป็นเพราะความผิดของจำเลยที่ 1แต่เป็นเพราะความผิดของจำเลยที่ 2 แต่ผู้เดียว จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นและมิใช่เป็นประเด็นที่ขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์เพราะไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์นั้น โจทก์ที่ 1 ได้กล่าวในอุทธรณ์ว่า เหตุที่รถยนต์เกิดชนกันจำเลยที่ 2 เป็นผู้ก่อเพียงฝ่ายเดียว จำเลยที่ 1 ไม่ได้ประมาทเลินเล่อ จึงเป็นข้อที่โจทก์ที่ 1 กล่าวไว้โดยชัดแจ้งในอุทธรณ์และเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยได้
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248

ผู้พิพากษา

ไพโรจน์ คำอ่อน
ปรีชา เฉลิมวณิชย์
ชูชาติ ศรีแสง

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android