คำพิพากษาย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์และ ต. มีกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยในที่ดิน 4 แปลง โดยมีกรรมสิทธิ์รวมอยู่กึ่งหนึ่งในที่ดินทั้ง 4 แปลง จึงขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมจากจำเลยกึ่งหนึ่ง เป็นฟ้องที่ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาชัดเจนพอที่จะให้จำเลยเข้าใจและสามารถให้การต่อสู้คดีได้ ไม่จำต้องบรรยายว่าในระหว่างโจทก์ด้วยกันแต่ละคนมีส่วนเป็นเจ้าของในที่ดินพิพาทคนละเท่าใด ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
พ. เป็นเจ้าของรวมในโฉนดที่ดินพิพาทโดยชอบและจำเลยที่ 1 เป็นผู้เช่าที่ดินในส่วนที่เป็นของ พ. การครอบครองที่ดินของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการครอบครองแทน พ. หรือทายาท เมื่อจำเลยที่ 1 มิได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือตาม ป.พ.พ. มาตรา 1381 จำเลยที่ 1 จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวโดยการครอบครองตามมาตรา 1382
จำเลยที่ 5 เข้าครอบครองที่ดินโฉนดเลขที่ 3374 โดยอาศัยสิทธิของจำเลยที่ 1 ถือว่าเป็นการครอบครองแทนจำเลยที่ 1 ไม่ได้เข้าครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 และเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า พ. เป็นเจ้าของรวมในที่ดินพิพาททั้ง 5 แปลง และที่ดินส่วนของ พ. ตกเป็นมรดกตกทอดได้แก่บุตร คือโจทก์ที่ 1 และ ต. โจทก์ที่ 1 และ ต. จึงเป็นเจ้าของรวมในที่ดินพิพาทด้วย โจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของ พ. ย่อมมีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยที่ 1 แบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินดังกล่าวได้