คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1450/2536

 แหล่งที่มา: สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
นางง. เป็นคนญวนเกิดในราชอาณาจักรไทย เมื่อ พ.ศ. 2493จึงได้สัญชาติไทยตาม พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2456 มาตรา 3(3)แม้ต่อมานางง.ถูกถอนสัญชาติไทยโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 ซึ่งมีผลใช้บังคับในวันที่ 14 ธันวาคม 2515 แต่โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 เกิดในราชอาณาจักรโดยในขณะเกิดนางง.มารดายังคงมีสัญชาติไทยอยู่โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 จึงได้สัญชาติไทยโดยการเกิดตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 มาตรา 7(1)ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535ส่วนโจทก์ที่ 4 ถึงที่ 5 แม้เกิดในราชอาณาจักรไทยภายหลังนางง. ถูกเพิกถอนสัญชาติไทยกลายเป็นคนต่างด้าวตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ข้อ 1 แต่นางง. เกิดในราชอาณาจักรไทยมิใช่ผู้ที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยตามความหมายแห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 โจทก์ที่ 4 และที่ 5 ไม่เข้าเงื่อนไขที่จะไม่ได้รับสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337ข้อ 2 โจทก์ที่ 4 และที่ 5 จึงได้สัญชาติไทย ตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 มาตรา 7(3) และโจทก์ที่ 4 และที่ 5 มีบิดาเป็นคนสัญชาติไทยซึ่งมิได้มีการสมรสกับมารดา จึงไม่เข้ากรณีที่ต้องเสียสัญชาติไทยตาม มาตรา 7 ทวิ สำหรับโจทก์ที่ 6 ไม่ได้เป็นบุตรของนางง.กับนายด. ดังนั้นเหตุที่โจทก์ที่ 6 จะได้สัญชาติตามข้ออ้างในฟ้องว่าเป็นบุตรของนางง.กับนายด.จึงฟังไม่ได้ จำเลยทั้งสามเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลเกี่ยวกับกิจการญวนอพยพ และเจ้าหน้าที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยทั้งสามได้ขอสูติบัตรของโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 คืน โดยอ้างว่าเป็นคนญวนอพยพ และได้จัดทำทะเบียนบ้านญวนอพยพโดยเพิ่มเติมชื่อโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 5 ลงในทะเบียนบ้านญวนอพยพทั้งที่โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 5 เป็นผู้มีสัญชาติไทย ดังนี้เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 5 แล้ว โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 5 จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสาม
 
 
 
 

ผู้พิพากษา

เริงธรรม ลัดพลี
วีระชัย สูตรสุวรรณ
ปรีชา เฉลิมวณิชย์

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android