คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4209/2533

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อแหวนเพชรกับสร้อยคอทองคำจากโจทก์แล้วผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าซื้อ และได้จำหน่ายทรัพย์ดังกล่าวให้บุคคลอื่น จึงขอให้จำเลยใช้ราคาทรัพย์ที่เช่าซื้อ แต่โจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาข้อหายักยอกทรัพย์ดังกล่าว ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุด โดยได้วินิจฉัยพยานหลักฐานของโจทก์ตลอดจนข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แห่งคดีแล้วว่าฟังไม่ได้ว่าจำเลยทำสัญญาเช่าซื้อแหวนเพชรกับสร้อยคอทองคำจากโจทก์ แม้ศาลชั้นต้นจะใช้คำว่าพยานโจทก์ยังมีเหตุสงสัยว่าจำเลยอาจจะไม่ได้ทำสัญญาเช่าซื้อตามฟ้อง ก็หาใช่เหตุสงสัยดังถ้อยคำที่ปรากฏไม่ ถือได้ว่าศาลได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงในประเด็นที่ว่า จำเลยได้ทำสัญญาเช่าซื้อตามฟ้องหรือไม่ไว้แล้ว ทั้งเป็นประเด็นเดียวกับประเด็นในคดีนี้ที่ได้กำหนดไว้ในชั้นชี้สองสถาน และคดีนี้ซึ่งคู่ความนำสืบทำนองเดียวกับที่สืบในคดีอาญาดังกล่าว ก็ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ทำสัญญาเช่าซื้อทรัพย์ตามฟ้อง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 527
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46

ผู้พิพากษา

จองทรัพย์ เที่ยงธรรม
พนม พ่วงภิญโญ
อุดม มั่งมีดี

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android