คำพิพากษาย่อสั้น
การคำนวณทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกา จะนำดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 200,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนถึงวันยื่นฎีกามารวมคำนวณด้วยไม่ได้ ฉะนั้นเมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกามีจำนวนไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก จำเลยมิได้ให้การว่าจำเลยได้กันเงินจำนวน 100,000 บาท ไว้เพื่อจัดการทำบุญและจัดงานศพให้แก่เจ้ามรดกในอนาคตแต่อย่างใดการที่จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยมีสิทธิกันเงินจำนวนดังกล่าวเพื่อทำบุญและจัดงานศพจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นต้องห้ามอุทธรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225วรรคแรก โจทก์มีหนังสือถึงจำเลยมีข้อความว่า "วันที่ 14 มีนาคมถึง กิมเช็ง ทราบ เรื่องเงินเหลือจากจ่ายธนาคาร 1 ล้านบาทเอาไว้ทำบุญให้แม่เขา 1 แสนบาทกิมห้องให้ไป 1 แสนห้าหมื่น ส่วนเฮียเอา5หมื่นเหลือนอกนั้นให้อีแป๊วอีณีไปเพราะเฮียต้องเอามารักษาตัว ถ้าเฮียไม่เป็นอะไรก็จะไม่เอาหรอกเวลานี้เอ็งก็มีบ้านอยู่กันแล้ว ไม่เดือดร้อนอะไรแล้วถนอม" เอกสารดังกล่าวมิได้มีลักษณะเป็นสัญญาแบ่งทรัพย์มรดกระหว่างทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1750 วรรคสอง เพราะเป็นแต่เพียงหนังสือที่โจทก์มีถึงจำเลยขอเงินส่วนแบ่งมรดกไปรักษาตัวจำนวน 50,000 บาท อันเป็นหนังสือที่โจทก์แสดงเจตนาเพียงฝ่ายเดียวไม่เข้าลักษณะสัญญาประนีประนอมยอมความตามมาตรา 850 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงไม่มีผลผูกพันให้โจทก์มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งมรดกเป็นจำนวนเพียง 50,000 บาท