คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21/2558

 แหล่งที่มา: ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
 เผยแพร่เมื่อ: 7 ก.ย. 2558 15:28:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
เอกชนเจ้าของที่ดินตาม น.ส. ๓ ข. เลขที่ ๑๗๑ และเลขที่ ๑๗๒ ฟ้องว่าได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการที่กรมที่ดิน จำเลยที่ ๒ และนายอำเภอหัวหิน จำเลยที่ ๓ ออกโฉนดที่ดินเลขที่ ๓๐๒๐๓ เลขที่ ๓๐๒๐๔ และเลขที่ ๓๐๒๐๕ ให้แก่จำเลยที่ ๑ ทับซ้อนที่ดินของโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนโฉนดที่ดินทั้งสามแปลงดังกล่าว และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันชำระค่าเสียหาย ส่วนจำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามโฉนดที่ดินทั้งสามแปลง โดยที่ดินดังกล่าว เดิมเป็นที่ดินตาม น.ส. ๓ เลขที่ ๑๗๓ เลขที่ ๒๖๘๔ และเลขที่ ๑๔๘ ซึ่งจำเลยที่ ๑ ซื้อมาจากผู้มีชื่อ และเข้าครอบครองทำประโยชน์ตลอดมา การออกโฉนดที่ดินทั้งสามแปลงถูกต้องตามระเบียบและกฎหมาย ไม่มีผู้ใดคัดค้านและไม่ได้ทับซ้อนกับที่ดินของโจทก์ จำเลยที่ ๒ ให้การว่า การออกโฉนดที่ดินได้ปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมาย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ค่าเสียหายสูงเกินส่วน และจำเลยที่ ๓ ให้การว่า จำเลยที่ ๓ มอบอำนาจให้ผู้ใหญ่บ้านท้องที่ร่วมรังวัดเป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่และระเบียบวิธีปฏิบัติราชการ จำเลยที่ ๓ ไม่ต้องรับผิดชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ เห็นว่า เหตุแห่งการฟ้องคดีสืบเนื่องมาจากข้ออ้างของโจทก์ที่ว่าการออกโฉนดที่ดินให้แก่จำเลยที่ ๑ ทับที่ดินตาม น.ส. ๓ ข. เลขที่ ๑๗๑ และเลขที่ ๑๗๒ ของโจทก์ อันเป็นกรณีโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน ทั้งความมุ่งหมายของโจทก์ที่ฟ้องต่อศาลก็เพื่อให้ศาลรับรองคุ้มครองสิทธิในที่ดินของโจทก์ การที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งตามคำขอของโจทก์ได้นั้น ศาลจำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่าที่ดินพิพาทโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองตามที่กล่าวอ้างหรือไม่เป็นสำคัญ แล้วจึงจะพิจารณาประเด็นอื่นได้ต่อไป จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
  • ประมวลกฎหมายที่ดิน
  • พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539
  • พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android