คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3296/2557

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 7 ก.ค. 2559 16:30:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
พระราชกำหนดบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย พ.ศ.2544 มาตรา 30 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้สถาบันการเงินหรือบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่มีกองทุนฟื้นฟูหรือหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจแห่งใดแห่งหนึ่งหรือรวมกันเป็นผู้ถือหุ้นเกินร้อยละห้าสิบของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วโอนสินทรัพย์ที่จัดเป็นสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2543 ทั้งหมดให้แก่บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยภายในเวลาที่บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยกำหนด และวรรคหก บัญญัติว่า "สินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ต้องโอนมาตามวรรคหนึ่ง ให้รวมถึงสินทรัพย์ที่มีการฟ้องคดีอยู่ในศาลโดยศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาด้วย โดยให้ศาลสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เว้นแต่บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยจะยื่นคำร้องขอเป็นอย่างอื่น..." แม้บทบัญญัติดังกล่าวจะเป็นบทบังคับให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความเมื่อบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยได้รับอนุญาตให้เข้าสวมสิทธิแทนโจทก์ในคดีที่มีการฟ้องคดีอยู่ในศาลโดยศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษา แต่ก็มีข้อยกเว้นที่ให้สิทธิแก่บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยที่จะยื่นคำร้องขอเป็นอย่างอื่นตามมาตรา 30 วรรคหก ตอนท้าย และเมื่อบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยใช้สิทธิตามข้อยกเว้นดังกล่าว ศาลก็ไม่อาจใช้ดุลพินิจเป็นอย่างอื่นได้นอกจากจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาให้เป็นไปตามคำร้องขอของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย สำหรับคดีนี้หลังจากศาลชั้นต้นอนุญาตให้บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยเข้าสวมสิทธิแทนโจทก์ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยก็ได้ใช้สิทธิตามข้อยกเว้นนี้ โดยการขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด และศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาให้เป็นไปตามความประสงค์ของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยแล้ว เช่นนี้ ศาลชั้นต้นชอบที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปให้แล้วเสร็จ ศาลชั้นต้นไม่อาจย้อนกลับไปใช้อำนาจจำหน่ายคดีได้อีกเพราะอำนาจในการจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้นตามบทบัญญัติดังกล่าวย่อมหมดไปนับแต่บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยยื่นคำร้องขอใช้สิทธิตามข้อยกเว้นนี้แล้ว หากให้ศาลชั้นต้นย้อนกลับไปใช้อำนาจจำหน่ายคดีได้อีกย่อมมีผลเท่ากับเป็นการเพิกถอนกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นเองที่ได้ดำเนินไปโดยชอบตามคำร้องขอของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยก่อนหน้านี้อันเป็นการไม่ชอบ ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีตามคำร้องของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยผู้เข้าสวมสิทธิแทนโจทก์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฟังไม่ขึ้น และเมื่อวินิจฉัยเช่นนี้แล้วก็ไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาตามคำแก้ฎีกาของจำเลยที่ 3 ที่ว่า ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งให้โจทก์ส่งสำเนาคำร้องขอให้ศาลจำหน่ายคดีให้จำเลยที่ 3 เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21 อีก เพราะไม่ว่าจะวินิจฉัยไปในทางใดก็ไม่อาจทำให้ผลแห่งคำพิพากษาคดีนี้เปลี่ยนแปลงไป
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • พระราชกำหนดบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย พ.ศ.2544 มาตรา 30

ผู้พิพากษา

วรงค์พร จิระภาค
วิรุฬห์ แสงเทียน
ฉัตรไชย จันทร์พรายศรี

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android