คำพิพากษาย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้เป็นคดีข้อหา ลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ส่งตัวจำเลย ไปฝึกอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กจังหวัดนครสวรรค์ มีกำหนดเวลา 3 ปี จึงต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิเมื่อคดี ต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริง จำเลยจึงไม่อาจยื่นฎีกาข้อเท็จจริงได้ ไม่รับเป็นฎีกา
จำเลยเห็นว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย เพราะเป็นอุทธรณ์ที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ จำเลยฎีกาได้ตามนัยของคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 462/2521 และฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 37)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 จำเลยอายุ 12 ปีเศษ พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งการกระทำผิด แล้ว เห็นสมควรให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมยังสถานพินิจ และคุ้มครองเด็กจังหวัดนครสวรรค์มีกำหนดระยะเวลา 3 ปี ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 36)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 37)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของจำเลยเป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ว่า อุทธรณ์ของจำเลยไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ อันเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 217 ถึง 221 จึงฎีกา ได้ตามมาตรา 216 ให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาให้ศาลชั้นต้น ดำเนินการต่อไป