คำพิพากษาย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทห้าฉบับให้แก่โจทก์ โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลัง นำเช็คพิพาททั้งห้าฉบับดังกล่าวมาชำระหนี้เงินกู้และค่าสินค้าแก่โจทก์ แม้โจทก์จะนำสืบว่า จำเลยที่ 2 นำเช็คพิพาทดังกล่าวมาแลกเงินสดไปจากโจทก์ก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังยุติแล้วว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งห้าฉบับแก่โจทก์ โดยมีจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อและประทับตราสลักหลังเช็คทั้งหมดแล้วส่งมอบให้แก่โจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาททั้งห้าฉบับโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยทั้งสองจึงต้องผูกพันตามเนื้อความในเช็คนั้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 900 และมาตรา 921, 940 ประกอบมาตรา 989 แม้มูลหนี้ที่โจทก์รับเช็คดังกล่าวไว้ตามที่ปรากฏในทางพิจารณาจะแตกต่างจากคำฟ้องไปบ้าง ศาลก็ชอบที่จะพิพากษาให้จำเลยทั้งสองรับผิดชำระหนี้ตามเช็คพิพาททั้งห้าฉบับได้ หาได้เป็นกรณีที่พิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องไม่ จึงไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 วรรคหนึ่ง
ส่วนที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ 2 อ้างว่าโจทก์หักดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 2.5 ต่อวัน และมีการนำไปหักกลบลบหนี้ค่าสินค้าที่โจทก์ซื้อไปจากจำเลยที่ 2 ภาระการพิสูจน์ตกแก่จำเลยที่ 2 เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่อาจนำสืบได้ จึงต้องรับผิดชดใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์นั้นเป็นการไม่ชอบ เนื้อหาของฎีกาส่วนดังกล่าวล้วนแต่คัดลอกข้อความในอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 มาทั้งสิ้น โดยมิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบอย่างไร และด้วยเหตุผลใด จึงเป็นฎีกาไม่ชัดแจ้งต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง