คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1986/2538

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีต้องห้ามฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและ วิธีพิจารณาความอาญาใน ศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 ส่วนข้อที่จำเลยอ้างว่าเป็นข้อกฎหมายนั้น พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งนำไปสู่ข้อกฎหมายหาใช่ปัญหา ข้อกฎหมายไม่ ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามทั้งฉบับ จึงไม่รับ จำเลยเห็นว่า ฎีกาที่ว่าคดีนี้เป็นคดีความผิดอันยอมความได้เมื่อผู้เสียหายมิได้มีการร้องทุกข์ พนักงานสอบสวนจึงไม่มี อำนาจทำการสอบสวน เมื่อการสอบสวนไม่ชอบโจทก์จึงไม่มี อำนาจฟ้อง เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งรับฎีกา ของจำเลยด้วย หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 107) ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ร่วมได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่ ระหว่างพิจารณา นางสาวสายพินหรือต้อยยืนยงค์ ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ให้จำคุก 2 เดือน ปรับ 5,000 บาท จำเลยไม่เคย ทำผิดมาก่อนโทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี หากจำเลย ไม่ชำระค่าปรับให้ดำเนินการตามมาตรา 29,30 ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 102) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 107)




คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุก 2 เดือน ปรับ 5,000 บาท จำเลยฎีกาอ้างเป็นข้อกฎหมายว่าโจทก์ร่วมไม่ได้ร้องทุกข์ การแจ้งความที่ฟังจากพยานโจทก์หาเป็นการร้องทุกข์ มอบคดีต่อพนักงานสอบสวนไม่ เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริง ซึ่งนำไปสู่ข้อกฎหมาย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้าม มิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ยกคำร้อง
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

ผู้พิพากษา

สวรรค์ ศักดารักษ์
อุดม มั่งมีดี
สันติ ทักราล

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android