คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2557

 แหล่งที่มา: ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
 เผยแพร่เมื่อ: 27 พ.ย. 2557 15:31:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
คดีที่โจทก์เป็นเอกชนยื่นฟ้องจำเลยทั้งสี่ ซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครอง และเอกชน อ้างว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินมีโฉนด เลขที่ ก. จำเลยที่ ๒ เป็นเจ้าของที่ดินมีโฉนด เลขที่ ข. ยื่นคำขอรังวัดสอบเขตที่ดินต่อสำนักงานที่ดินจังหวัด จำเลยที่ ๒ ได้นำชี้แนวเขตรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ และเจ้าหน้าที่รังวัดได้ทำการปักหลักหมุดที่ดิน เลขที่ ค. กับหลักหมุดที่ดิน เลขที่ ง. รุกล้ำที่ดินโจทก์ โดยโจทก์ไม่รู้เห็นและไม่ยินยอม รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ ร่วมกันจงใจปกปิดเนื้อที่ดินที่แท้จริงไว้โดยไม่สุจริต ต่อมา จำเลยที่ ๒ ขายที่ดินให้จำเลยที่ ๓ และโดยจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ จะรู้ข้อเท็จจริงดังกล่าวหรือไม่ก็ตาม การซื้อขายที่ดินดังกล่าวจึงเป็นโมฆะ หลังจากนั้นจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ได้ปักเสาเพื่อทำรั้วกั้นตามแนวเขตที่ดินระหว่างหลักหมุดที่ดินเลขที่ ค. ถึงหลักหมุดที่ดินเลขที่ ง. ตลอดแนวโดยไม่ชอบ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนการรังวัดสอบเขตที่ดิน และให้เพิกถอนการซื้อขายที่ดิน และให้รังวัดสอบเขตที่ดินตามโฉนดที่ดิน เลขที่ ข. ใหม่ จำเลยที่ ๑ ให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่เคยโต้แย้งคัดค้านแนวเขตที่ดิน โจทก์และจำเลยที่ ๓ ยืนยันชี้แนวเขตตามหลักหมุดที่ดินว่าถูกต้องแล้ว ขอให้ยกฟ้อง จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยที่ ๓ และจำเลยที่ ๔ ให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินพิพาท แต่ที่ดินพิพาทเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ ข. ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ที่ซื้อและจดทะเบียนมาโดยสุจริต โดยไม่มีผู้ใดโต้แย้งคัดค้าน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เห็นว่า การที่ศาลจะมีคำสั่งตามคำขอของโจทก์ได้นั้น ศาลจำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า โจทก์หรือจำเลยที่ ๒ เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเป็นสำคัญ แล้วจึงพิจารณาประเด็นอื่นต่อไป จึงเป็นคดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
  • พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
  • ประมวลกฎหมายที่ดิน

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android