คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5/2557

 แหล่งที่มา: ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
 เผยแพร่เมื่อ: 27 พ.ย. 2557 15:31:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
คดีนี้แม้จำเลยที่ ๒ จะเป็นหน่วยงานทางปกครอง และจำเลยที่ ๓ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่โจทก์อ้างว่า ได้ขอออกโฉนดที่ดินต่อจำเลยที่ ๓ โดยมีหลักฐานเป็น ส.ค. ๑ จำเลยที่ ๑ คัดค้านแนวเขตและไม่ยอมลงลายมือชื่อรับรองแนวเขต และคัดค้านการรังวัดที่ดินโดยอ้างว่า โจทก์นำรังวัดรุกล้ำที่ดินของจำเลยที่ ๑ ต่อมาจำเลยที่ ๑ ขอออกโฉนดที่ดินโดยมีหลักฐานเป็น น.ส. ๓ ต่อจำเลยที่ ๓ และนำรังวัด รุกล้ำที่ดินของโจทก์ โจทก์และองค์การบริหารส่วนตำบลผไทรินทร์คัดค้านแนวเขตโดยอ้างว่า จำเลยที่ ๑ นำชี้รุกล้ำทับทางสาธารณประโยชน์ (ทางเกวียน) จำเลยที่ ๓ มีคำสั่งให้ออกโฉนดที่ดินแก่โจทก์โดยกันพื้นที่ส่วนที่จำเลยที่ ๑ คัดค้านออกไป และมีคำสั่งให้ออกโฉนดที่ดินแก่จำเลยที่ ๑ ทั้งแปลงซึ่งทับที่ดินของโจทก์บางส่วน ขอให้พิพากษาให้ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่ ๓ และให้จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ มีคำสั่งออกโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์ทั้งแปลง จำเลยที่ ๑ ให้การว่า ที่ดินพิพาทไม่ใช่ที่ดินของโจทก์ จำเลยที่ ๑ เป็นผู้มีสิทธิครอบครอง โจทก์นำรังวัดรุกล้ำที่ดินของจำเลยที่ ๑ และได้คัดค้านแนวเขตที่ดิน โดยทราบดีว่า ที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นที่ดินแปลงเดียวกันกับที่ดินพิพาทในคดีแพ่งของศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทอยู่ในแนวเขตที่ดินของจำเลยที่ ๑ และคดีถึงที่สุดแล้ว ส่วนจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ให้การทำนองเดียวกันว่า จำเลยที่ ๓ ออกโฉนดที่ดินตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายให้อำนาจไว้โดยชอบแล้ว เห็นว่า ข้อหาและข้อต่อสู้เป็นเรื่องโต้แย้งกันเกี่ยวกับสิทธิครอบครอง การที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งตามคำขอของโจทก์ได้นั้น ศาลจำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า โจทก์หรือจำเลยที่ ๑ เป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทเป็นสำคัญ แล้วจึงพิจารณาประเด็นอื่นต่อไป จึงเป็นคดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
  • พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
  • ประมวลกฎหมายที่ดิน

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android