คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9203/2554

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 6 พ.ย. 2556 11:14:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
ก. และ ส. เป็นทายาทของ ป. ผู้ตาย ได้ยื่นฟ้องโจทก์และจำเลยคดีนี้เป็นจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในข้อหายักยอกทรัพย์มรดกที่ดินพร้อมอาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นทรัพย์สินเดียวกับที่โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของผู้ตายนำมาฟ้องเป็นคดีนี้ขอให้บังคับจำเลยโอนให้แก่โจทก์เพื่อแบ่งปันทายาทอื่นต่อไป เมื่อความปรากฏแก่ศาลว่า ในคดีอาญาศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า การที่จำเลยที่ 2 (จำเลยคดีนี้) มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารพาณิชย์พิพาท น่าเชื่อว่าเป็นเพียงผู้ถือกรรมสิทธิ์แทนทายาทอื่น เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ยอมโอนหรือแบ่งทรัพย์มรดกโดยอ้างว่าเป็นของตน จึงมีเจตนาทุจริต เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 353 เช่นนี้ ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 46 และแม้โจทก์และจำเลยจะเป็นจำเลยในคดีอาญาด้วยกันก็ตาม แต่เมื่อโจทก์และจำเลยต่างเป็นทายาทของผู้ตาย ทั้งโจทก์ยังเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายอีกด้วย คำพิพากษาคดีอาญาจึงย่อมผูกพันโจทก์และจำเลย เมื่อข้อเท็จจริงในคดีอาญาถึงที่สุดโดยฟังว่า จำเลยถือกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารพาณิชย์พิพาทแทนทายาทอื่น ดังนี้ จำเลยจึงต้องไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมอาคารพาณิชย์พิพาทคืนแก่โจทก์ผู้จัดการมรดก เพื่อแบ่งปันทายาทอื่นต่อไป
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46

ผู้พิพากษา

อาวุธ ปั้นปรีชา
วีระชาติ เอี่ยมประไพ
สมชาย พันธุมะโอภาส

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android