คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9520/2553

 แหล่งที่มา: สำนักวิชาการ
 เผยแพร่เมื่อ: 24 ก.ค. 2555 13:58:54

คำพิพากษาย่อสั้น

 
พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2545 มาตรา 7 (3) บัญญัติว่า ยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 คือ ยาเสพติดให้โทษที่มีลักษณะเป็นตำรับยาและมียาเสพติดให้โทษในประเภท 2 ผสมอยู่ด้วย จากบทบัญญัติดังกล่าวเห็นได้ว่า เมื่อนำยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 มาเป็นส่วนผสมของตำรับยาแล้วไม่ว่ายาเสพติดให้โทษในประเภท 2 จะมีจำนวนเท่าใด ย่อมต้องถือว่าตำรับยาที่มียาเสพติดให้โทษในประเภท 2 เป็นส่วนผสมอยู่ดังกล่าวเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 ทั้งสิ้น เช่นนี้การที่จะพิจารณาว่าการมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 จำนวนมากน้อยเพียงใดที่จะต้องด้วยข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 181) ฯ จึงต้องถือเอาตามจำนวนของยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 นั้นเองว่า เกินจำนวน 250 มิลลิลิตร หรือ 30 เม็ด หรือ 30 แคปซูลหรือไม่ โดยเฉพาะการที่ได้กำหนดหน่วยเป็นเม็ดหรือแคปซูลด้วยยิ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นการกำหนดตามจำนวนของยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 หาใช่ถือเอาตามจำนวนของโคเดอีนที่เป็นส่วนผสมอยู่ไม่ ดังนั้น เมื่อยาแก้ไอที่มีโคเดอีนเป็นส่วนผสมของกลาง อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 3 มีปริมาตร 3,500 มิลลิลิตร เกินจำนวน 250 มิลลิลิตร จึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายแล้ว
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 มาตรา 7

ผู้พิพากษา

ชัยวัฒน์ เวียงธีรวัฒน์
อาวุธ ปั้นปรีชา
สมชาย พันธุมะโอภาส

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android