คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3717/2546

 แหล่งที่มา: เนติบัณฑิตยสภา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 

ขณะที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 6 เข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 8ผู้มรณะ เป็นเวลาภายหลังจากศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์แล้ว คดีจึงอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาและเป็นอำนาจของศาลฎีกาที่จะสั่งคำร้องของโจทก์ที่ขอให้เรียกจำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 เข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 8 โดยศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่ง คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้น และเนื่องจากคดีได้ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแล้ว แม้โจทก์จะยื่นคำร้องขอให้เรียกจำเลยที่ 1 ถึงที่ 7เป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 8 แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 แถลงต่อศาลชั้นต้นขอให้จำเลยที่ 6 เข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 8 และทนายโจทก์ไม่คัดค้าน ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 6 เข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 8
ตามสัญญาประนีประนอมยอมความระบุว่า โจทก์ทั้งสี่และจำเลยทั้งแปดตกลงยอมรับแนวเขตตามโฉนดที่ดินที่แต่ละฝ่ายออกโฉนดที่ดินแล้วและได้ครอบครองอยู่จริงและตกลงยอมรับแนวเขตที่ดินที่พิพาทตามแผนที่พิพาทหรือรายงานการรังวัดที่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่จัดทำขึ้นตามที่คู่ความได้ชี้แนวเขตและนำส่งศาลและให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาประนีประนอมยอมความ ดังนั้นเมื่อไม่มีแผนที่หรือรายงานการรังวัดที่ดินที่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่จัดทำขึ้นตามที่คู่ความได้ชี้แนวเขตดังที่ระบุไว้ซึ่งเป็นสาระสำคัญในอันที่จะระงับข้อพิพาทมาพิจารณาประกอบด้วยแล้ว ทำให้ข้อสัญญาตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวไม่อาจระงับข้อพิพาทต่อกันได้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมดังกล่าวจึงไม่ชอบ
โจทก์ยื่นฟ้องอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ โดยเสียค่าขึ้นศาลไว้ 200 บาท ต่อมาในวันชี้สองสถานศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เป็นคดีขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ให้มีหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดเพื่อหาเนื้อที่ดินพิพาทเพื่อใช้ในการคำนวณค่าขึ้นศาลเพิ่ม ปรากฏว่าก่อนที่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่จะทำการรังวัดที่ดินพิพาทดังกล่าว โจทก์ทั้งสี่และจำเลยทั้งแปดตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันและศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาตามยอม โดยศาลชั้นต้นยังไม่ได้มีคำสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มเสียก่อน จึงเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27บัญญัติไว้ ศาลฎีกาเห็นสมควรให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ถูกต้องตามมาตรา 243(1)ประกอบมาตรา 247
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 150

ผู้พิพากษา

สดศรี สัตยธรรม
วิรัช ลิ้มวิชัย
มานะ ศุภวิริยกุล

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android