คำพิพากษาย่อสั้น
จำเลยมิได้ดำเนินการก่อสร้างให้เป็นไปภายในระยะเวลาที่ประกาศโฆษณาไว้และเมื่อผู้บริโภคทั้งสองไม่ชำระค่างวดต่อแล้ว จำเลยได้มีหนังสือให้ผู้บริโภคทั้งสองไปรับโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดตามสัญญา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจำเลยมิได้ถือข้อกำหนดเกี่ยวกับระยะเวลาในการชำระค่างวดตามสัญญาเป็นสาระสำคัญ จึงถือมิได้ว่าผู้บริโภคทั้งสองเป็นฝ่ายผิดสัญญา และเมื่อพิเคราะห์แผ่นพับโฆษณาและรายละเอียดโครงการซึ่งจำเลยได้ระบุสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการโดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จปลายปี 2539 แล้ว ทำให้มีเหตุผลเชื่อได้ว่า ผู้ที่เข้าทำสัญญาจะซื้อขายห้องชุดในโครงการของจำเลยซึ่งรวมทั้งผู้บริโภคทั้งสองในคดีนี้ก็โดยเชื่อว่าจำเลยจะต้องก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ตามที่ระบุไว้อันถือได้ว่าเป็นการซื้อขายตามคำพรรณนา โดยผู้บริโภคทั้งสองถือเอาเงื่อนไขตามโฆษณาเป็นข้อสาระสำคัญแห่งสัญญา การที่จำเลยมิได้ดำเนินการดังกล่าวให้ครบถ้วนภายในกำหนดเวลาตามสัญญา จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาและละเมิดสิทธิของผู้บริโภคทั้งสอง โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยให้คืนเงินที่ผู้บริโภคทั้งสองชำระไปแล้วพร้อมดอกเบี้ย
เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา ต้องคืนเงินให้แก่ผู้บริโภคทั้งสอง ผู้บริโภคทั้งสองย่อมมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากเงินที่จ่ายให้แก่จำเลยในแต่ละคราวแต่ละงวดหาใช่จะมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยต่อเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาคือวันที่ 31 ธันวาคม 2541 ไม่ และตามสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุดที่ระบุว่า ในกรณีที่จำเลยไม่สามารดำเนินการก่อสร้างอาคารชุดให้แล้วเสร็จภายในปี 2541 จำเลยจะคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยตามอัตราเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์ให้แก่ผู้บริโภคทั้งสองนั้นเป็นข้อตกลงอันมีลักษณะเป็นการกำหนดค่าเสียหายกันไว้ล่วงหน้ากรณีที่จำเลยผิดนัด จึงเป็นเบี้ยปรับตาม ป.พ.พ. มาตรา 379 หากสูงเกินส่วนศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจลดลงได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 383