คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 230/2540

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
เดิมที่ดินพิพาทเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่าและได้มีการขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุอยู่ในความดูแลของจำเลยที่2ต่อมาปี2512จำเลยที่2ได้ยื่นคำขอออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงโดยก่อนที่จะออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงนั้นได้มีการรังวัดที่ดินพิพาทโดยให้เจ้าของที่ดินข้างเคียงมาระวังแนวเขตและได้มีประกาศตามประมวลกฎหมายที่ดินเพื่อให้มีผู้คัดค้านแต่ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดมาคัดค้านทางกรมที่ดินได้ออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงให้จำเลยที่2เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์และได้มอบให้จำเลยที่1ใช้ประโยชน์ตลอดมาจึงถือได้ว่าจำเลยที่2ได้แย่งการครอบครองที่ดินพิพาทจากโจทก์ตั้งแต่ปี2512แล้วโจทก์เพิ่งนำคดีมาฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่ดินพิพาทจากจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้เมื่อวันที่24เมษายน2534ซึ่งพ้นกำหนดระยะเวลา1ปีนับแต่วันที่โจทก์ถูกแย่งการครอบครองที่ดินพิพาทแล้ว การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาทประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1375วรรคสองนั้นเป็นบทบังคับเรื่องกำหนดเวลาสำหรับฟ้องหากไม่ฟ้องภายในกำหนดเวลาดังกล่าวก็หมดสิทธิฟ้องคือโจทก์หมดสิทธิครอบครองที่พิพาทอำนาจฟ้องเรียกคืนที่พิพาทก็ไม่มีฉะนั้นกำหนดเวลาตามมาตรา1375วรรคสองจึงเป็นระยะเวลาให้สิทธิฟ้องเรียกคืนการครอบครองที่ดินมือเปล่าไม่ใช่เรื่องอายุความ
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 163 เดิม
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375

ผู้พิพากษา

จำลอง สุขศิริ
สุรินทร์ นาควิเชียร
สมบัติ เดียวอิศเรศ

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android