คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1255/2518

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดใช้ค่าเสียหายในมูลละเมิด อ้างว่าจำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าน. ได้โอนที่ดินและบ้านให้แก่โจทก์ แต่จำเลยได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดบ้านดังกล่าวขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ให้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอีกเรื่องหนึ่ง แต่โจทก์นำสืบพยานหลักฐานรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้รู้เรื่องที่ น. ได้โอนที่ดินและบ้านให้โจทก์ตั้งแต่ก่อนนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดบ้านดังฟ้อง ข้อเท็จจริงกลับได้ความว่าเมื่อ น.ได้จำนองที่ดินไว้กับโจทก์แล้ว น. ได้ปลูกบ้านในที่ดินที่จำนองสองครั้ง เป็นบ้านสองหลังแฝดติดกัน น. อยู่ที่บ้านหลังซึ่งได้ปลูกก่อนที่โจทก์อ้างว่าได้โอนให้ตนแล้ว และเมื่อโจทก์ฟ้องคดีเรื่องนี้แล้ว น. ยังเป็นเจ้าของบ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งได้ปลูกภายหลัง เช่นนี้เห็นได้ว่า ย่อมทำให้จำเลยเข้าใจว่าบ้านสองหลังแฝดนั้นยังเป็นของ น. จึงได้นำยึดบ้านโดยสุจริตใจ การกระทำของจำเลยเป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริต ไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 6
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 284

ผู้พิพากษา

ประพจน์ ถิระวัฒน์
สมคิด มงคลชาติ
ไพโรจน์ ไวกาสี

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android