คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 96/2545

 แหล่งที่มา: สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 

ผู้เสียหายเป็นหญิงอายุ 16 ปีเศษ และกำลังศึกษาอยู่ในวิทยาลัยการอาชีพรู้จักและไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยทั้งสี่มาก่อน ได้เบิกความถึงพฤติการณ์ ขณะที่ถูกจำเลยทั้งสี่กับพวกข่มขืนกระทำชำเราเป็นขั้นตอนมีรายละเอียดสอดคล้องสมจริงยากแก่การที่จะปรุงแต่งขึ้น หากมิได้เกิดขึ้นจริงย่อมเป็นการผิดวิสัยที่หญิงสาวจะปั้นแต่งเรื่องที่ตนถูกชายหลายคนข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ซึ่งเป็นเรื่องเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของตนอย่างร้ายแรงขึ้นมาปรักปรำจำเลยทั้งสี่ ทั้งขณะเกิดเหตุมีแสงสว่างจากเทียนไขและไฟแช็กที่พวกจำเลยจุดและผู้เสียหายเห็นจำเลยทั้งสี่ในระยะใกล้ ในวันรุ่งขึ้นผู้เสียหายแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจก็ได้ระบุชื่อจำเลยทั้งสี่กับพวก จึงเชื่อได้ว่าผู้เสียหายเบิกความตามความจริงประกอบกับจำเลยที่ 1 ที่ 2และที่ 4 ก็รับว่าวันเกิดเหตุไปที่สถานที่เกิดเหตุจริง โดยเฉพาะจำเลยที่ 4 ได้ยินเพื่อนที่ร่วมดื่มเบียร์ในกลุ่มพูดว่าจะเอาผู้หญิงสองคนจากนั้นเพื่อนคนที่พูดก็ฉุดผู้เสียหายเข้าไปในขนำส่วนเพื่อนอีกคนหนึ่งฉุดนางสาว ส. ไปข้างภูเขา ส่วนที่จำเลยที่ 3อ้างว่าไม่ได้ไปในที่เกิดเหตุนั้นเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่น่าเชื่อถือพยานโจทก์จึงมีน้ำหนักแน่นแฟ้นรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยทั้งสี่กับพวกได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง แม้แพทย์จะตรวจผู้เสียหายไม่พบรอยบาดแผลใดภายนอก และตรวจภายในพบเยื่อพรหมจารีฉีกขาดเก่าไม่พบบาดแผลใหม่ใด ๆ ตรวจหาเชื้ออสุจิและแอซิดฟอสฟาเตสไม่พบและไม่พบร่องรอยของการร่วมประเวณี แต่ได้ความว่าก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายเคยร่วมประเวณีกับแฟนมาก่อน ทั้งผู้เสียหายได้อาบน้ำชำระร่างกายก่อนไปให้แพทย์ตรวจซึ่งเป็นเวลาหลังเกิดเหตุแล้ว 1 วัน แพทย์เองก็ให้ความเห็นว่า หญิงที่ถูกข่มขืนกระทำชำเราและตรวจไม่พบเชื้ออสุจิมิได้หมายความว่าไม่ถูกกระทำชำเราซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ หากเยื่อพรหมจารีฉีกขาดเก่าก็อาจเป็นไปได้ว่าไม่สามารถที่จะตรวจพบหาร่องรอยข่มขืนกระทำชำเราภายในได้ดังนั้น แม้แพทย์จะตรวจไม่พบร่องรอยการร่วมประเวณีก็ไม่ถึงกับทำให้พยานโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าผู้เสียหายไม่ถูกข่มขืนกระทำชำเรา
การเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวไปควบคุมเพื่อฝึกอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กตามเวลาที่ศาลกำหนดตามมาตรา 104(2) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวฯนั้น ต้องไม่เกินกว่าที่เด็กหรือเยาวชนมีอายุครบยี่สิบปีสี่ปีบริบูรณ์เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งตามวรรคสุดท้ายของมาตรา 104 ซึ่งจะต้องระบุให้ชัดเจนไว้ในคำพิพากษาด้วยว่าเมื่อจำเลยมีอายุครบยี่สิบสี่ปีบริบูรณ์แล้วให้ส่งตัวไปจำคุกไว้ในเรือนจำตามเวลาที่ศาลกำหนดแต่เมื่อคำนวณระยะเวลาที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวสั่งให้นำตัวจำเลยทั้งสี่ไปฝึกและอบรมขั้นสูง 4 ปีจึงเกินกว่าจำเลยทั้งสี่มีอายุครบยี่สิบสี่ปีบริบูรณ์ คำพิพากษาดังกล่าวจึงขัดต่อบทบัญญัติข้างต้น ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาขึ้นมาศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227
  • พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2534 มาตรา 104

ผู้พิพากษา

สมชัย เกษชุมพล
อำนวย เต้พันธ์
ดวงมาลย์ ศิลปอาชา

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android