คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1603/2551

 แหล่งที่มา: สำนักวิชาการ
 เผยแพร่เมื่อ: 8 ก.พ. 2553 11:29:16

คำพิพากษาย่อสั้น

 
คำให้การที่ขัดแย้งกันเองจะต้องเป็นคำให้การที่ยืนยันข้อเท็จจริงหลายทางและไม่ชัดแจ้งว่าข้อเท็จจริงที่ให้การนั้นเป็นไปในทางใดทางหนึ่ง คดีนี้จำเลยให้การตอนแรกว่าจำเลยไม่เคยทำสัญญากู้เงินหรือได้รับเงินจากบริษัท พ. แต่ได้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินโดยไม่ได้กรอกข้อความใด ๆ และบริษัท พ. กรอกข้อความและจำนวนเงินเองโดยจำเลยมิได้รู้เห็นยินยอม อันเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงว่า สัญญากู้เงินที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นเอกสารปลอม แม้จำเลยให้การตอนหลังว่า สัญญากู้เงินตามฟ้องไม่ได้กำหนดเวลาชำระหนี้ โจทก์ฟ้องคดีพ้นกำหนด 10 ปี นับแต่วันทำสัญญา คดีโจทก์จึงขาดอายุความก็ตาม ก็เป็นเรื่องที่จำเลยยกปัญหาเรื่องอายุความขึ้นเป็นข้อตัดฟ้องโจทก์เท่านั้น มิใช่เป็นการยอมรับว่าจำเลยทำสัญญากู้เงินจากบริษัท พ. อันจะถือได้ว่าเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงหลายทาง ซึ่งไม่อาจเป็นไปได้ในคราวเดียวกัน คำให้การของจำเลยจึงไม่ขัดแย้งกันเองและเป็นคำให้การที่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง คดีย่อมมีประเด็นที่โจทก์ต้องนำสืบให้เห็นว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ เมื่อโจทก์นำสืบว่าจำเลยชำระดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2540 เพื่อให้เห็นว่าอายุความสะดุดหยุดลงตามเอกสารที่โจทก์นำมาแสดง จำเลยก็ย่อมมีสิทธินำพยานเข้าสืบแก้ได้ว่า เอกสารที่โจทก์นำสืบเป็นเอกสารเกี่ยวกับการชำระหนี้รายอื่นไม่เกี่ยวกับสัญญากู้เงิน
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177

ผู้พิพากษา

ชัชลิต ละเอียด
บุญรอด ตันประเสริฐ
เฉลิมเกียรติ ชาญศิลป์

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android