คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1612/2518

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 

กรณีที่ผู้แทนของนิติบุคคลได้กระทำในนามของนิติบุคคลและการกระทำนั้นเป็นความผิดต่อกฎหมาย ถ้ามิใช่ความผิดเฉพาะตัวตามที่กฎหมายระบุไว้ ผู้แทนทั้งหลายผู้ลงมือกระทำจะต้องมีความผิดเป็นส่วนตัวด้วย จะอ้างความเป็นผู้แทนนิติบุคคลเป็นข้อแก้ตัวให้พ้นผิดหาได้ไม่
บริษัท ก. จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด ทุนจดทะเบียน 70,000 บาท มีวัตถุประสงค์หลายประการรวมทั้งการให้กู้ยืมเงินด้วย ท. จำเลยเป็นกรรมการผู้จัดการ ส.จำเลยเป็นกรรมการได้เปิดดำเนินการให้กู้ยืมเงินโดยประกาศโฆษณาเชิญชวนให้ประชาชนสมัครเข้าเป็นสมาชิก ผู้สมัครต้องชำระค่าสมัคร ค่าบำรุง และค่าบริการคนละ 200 บาท กับเงินสมทบกลุ่มกองทุนเงินกู้อีก 300 บาท สมาชิกมีสิทธิขอกู้จากบริษัทได้คนละ 2,500 บาท ถึง 5,000 บาทผู้เสียหายรวม 10 คนต่างสมัครเข้าเป็นสมาชิก การให้กู้ยืมโดยการจัดตั้งรูปแบบองค์การคล้ายสมาคมหรือสหกรณ์ดังที่จำเลยจัดดำเนินการนี้เป็นการเบนออกนอกวัตถุประสงค์ของบริษัทที่จดทะเบียนไว้ เงินทุนตามที่จดทะเบียนไว้มีเพียง 70,000 บาท ไม่ปรากฏว่าได้เรียกเก็บเต็มตามมูลค่าหุ้นแล้วหรือไม่ ทรัพย์สินอื่นก็ไม่ปรากฏว่ามี และการดำเนินงานนี้จำเลยต้องเสียค่าใช้จ่ายในสำนักงานค่าจ้างเสมียน และค่าเช่าสถานที่ สำหรับเงินค่าสมัครที่เรียกเก็บจากสมาชิกนั้น เมื่อหักค่าตอบแทนและค่าพาหนะของตัวแทนผู้ชักนำออกแล้วคงเหลือรายละ 100 บาทเศษ ส่วนเงินของสมาชิกคนละ 300 บาทอันเป็นทุนหมุนเวียนให้กู้ก็ไม่สามารถหมุนหามาให้กู้ได้ทั่วทุกคนตามสิทธิของสมาชิก พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นแผนการที่ดำเนินการโดยเจตนาทุจริตเพื่อหลอกลวงประชาชนทั่วไปให้หลงเชื่อ เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343
  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 75

ผู้พิพากษา

อุดม จาละ
สงวน สิทธิไชย
ปรีชา สุมาวงศ์

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android