คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2518

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 

โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาและคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาว่า จำเลยยักยอกเงินขอให้ลงโทษและให้จำเลยใช้เงินคืนแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยรับฝากข้าวเปลือกของโจทก์ไว้ ต่อมาจำเลยได้เบียดบังเอาข้าวเปลือกของโจทก์ไปขายเสีย แล้วเบียดบังเอาเงินค่าข้าวเปลือกที่ขายได้เป็นของจำเลย เป็นความผิดฐานยักยอก แต่โจทก์จำเลยได้แสดงเจตนาเลิกคดีอาญาต่อกัน ได้ชื่อว่ายอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย สิทธิฟ้องคดีอาญาจึงระงับไปพิพากษายกฟ้องโจทก์ในทางอาญาแต่ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินแก่โจทก์ โจทก์ไม่อุทธรณ์จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องโจทก์ในคดีส่วนแพ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โดยฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง ดังนี้เมื่อคดีอาญาเป็นอันถึงที่สุดแล้ว ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจึงต้องถือตามข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา(ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46) เมื่อข้อเท็จจริงในทางอาญาได้ความว่า จำเลยรับฝากข้าวเปลือกของโจทก์ไว้แล้วนำไปขายแก่บุคคลอื่น เบียดบังเอาเงินค่าข้าวเปลือกไว้ จำเลยจึงต้องรับผิดใช้เงินค่าข้าวเปลือกนั้นให้โจทก์
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46

ผู้พิพากษา

จันทร์ ระรวยทรง
สุเมธ ทิพยมนตรี
สุมิตร ฟักทองพรรณ

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android