คำพิพากษาย่อสั้น
โจทก์ซึ่งเป็นจำเลยในคดีอาญา ฟ้องผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเป็นจำเลยโดยกล่าวหาว่าจำเลยแกล้งหน่วงเหนี่ยวกักขังโจทก์ โดยข่มขืนใจให้ ส. แก้ราคาหลักทรัพย์ของ ย. ผู้ขอประกันตัวโจทก์จากราคา 120,000 บาทให้เหลือเพียง 60,000 บาทจนไม่พอประกันกับแกล้งปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยมีเจตนาทุจริตไม่ยอมตีราคาหลักทรัพย์ของผู้ขอประกันเมื่อ 9 นาฬิกา จนเมื่อเวลาศาลจะปิดทำการแล้วจึงแจ้งแก่โจทก์ว่าหลักทรัพย์ไม่พอ ทำให้โจทก์ไม่มีโอกาสไปหาหลักทรัพย์มาเพิ่มได้ทันทำให้โจทก์ถูกขังต่อมา แต่เมื่ออ่านคำฟ้องโดยตลอดแล้วจะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องที่จำเลยผู้ทำหน้าที่ศาลได้ตรวจดูหลักประกันตามบัญชีทรัพย์ที่ผู้ขอประกันยื่นมานั้นว่าจะเชื่อถือได้เพียงใดหรือไม่แล้วเห็นว่าตีราคาสูงกว่าราคาที่แท้จริงมากนักซึ่งเป็นเรื่องที่ศาลเห็นว่าผู้ประกันไม่ควรตีราคาหลักประกันให้สูงผิดความจริงไปมากอันจะทำให้ศาลสิ้นความเชื่อถือจึงได้แก้ไขเสียให้ใกล้เคียงกับราคาจริงหากจะต้องเสียเวลาไปบ้าง ก็เป็นการกระทำที่อยู่ในการใช้ดุลพินิจภายในขอบอำนาจของผู้พิพากษาตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และเมื่อข้อเท็จจริงตามคำบรรยายฟ้องก็ไม่มีข้อที่จะแสดงว่าจำเลยกระทำไปเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นแต่อย่างใด ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยแกล้งปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยมีเจตนาทุจริตดังที่โจทก์กล่าวอ้างในฟ้อง การกระทำของจำเลยดังที่โจทก์ฟ้องจึงไม่มีมูลเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 310 ที่โจทก์ขอให้ลงโทษที่ศาลยกฟ้องโดยไม่ไต่สวนมูลฟ้องจึงชอบแล้ว
ฟ้องโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยข่มขืนใจให้ ส. แก้ราคาหลักทรัพย์ในบัญชีทรัพย์ที่ ย. ยื่นขอประกันจำเลย บัญชีทรัพย์นี้จึงเป็นเอกสารซึ่งผู้ขอประกันทำยื่นต่อศาลหาใช่เอกสารซึ่งจำเลยมีหน้าที่ทำไม่และจำเลยมิได้รับรองเป็นหลักฐานหรือละเว้นไม่จดข้อความอันใดลงในเอกสารนั้นจึงไม่มีมูลเป็นความผิดตามมาตรา 161 และ 162