คำพิพากษาย่อสั้น
ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนรั้วกำแพงคอนกรีตออกจากที่ดินของโจทก์ จำเลยได้ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลโดยรื้อถอนรั้วกำแพงคอนกรีตแล้ว ต่อมาจำเลยกลับก่อสร้างชั้นวางของทำด้วยแผ่นเหล็กขึ้นใหม่ตามแนวรั้วกำแพงคอนกรีตตลอดทั้งแนวและไม่ยอมรื้อถอนชั้นวางของดังกล่าวตามคำบังคับ ศาลจึงบังคับให้จำเลยรื้อถอนและขนย้ายชั้นวางของออกไปจากที่ดินของโจทก์ การที่จำเลยโอนตึกและที่ดินให้แก่ ส. ไปแล้ว แต่จำเลยยังเป็นผู้จัดการดูแลครอบครองตึกจึงถือไม่ได้ว่าสภาพแห่งการบังคับคดีไม่เปิดช่องให้กระทำได้ จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือ ส. ผู้ซื้อตึกและที่ดินยังจะต้องปฏิบัติตามคำบังคับให้รื้อถอนขนย้ายชั้นวางของที่ก่อสร้างรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์เช่นกัน โดยโจทก์ไม่ต้องขอให้ศาลชั้นต้นออกคำบังคับใหม่ คำบังคับของศาลชั้นต้นที่ออกโดยชอบด้วยกฎหมายจึงไม่เป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 28 และมาตรา 35
ฎีกาของจำเลยที่ว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นออกคำบังคับใหม่ให้จำเลยปฏิบัติตามไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ส่งสำนวนให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้น มิใช่ข้อโต้แย้งกล่าวอ้างว่า บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ศาลจะใช้บังคับแก่คดีขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จึงไม่จำต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 264
คำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาให้รื้อถอนรั้วกำแพงคอนกรีตเป็นการให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ปรากฏอยู่ในขณะยื่นฟ้อง สิ่งปลูกสร้างที่มีอยู่ขณะฟ้องหรือเกิดขึ้นในอนาคตในระหว่างคดีจากการกระทำของจำเลยหรือที่จำเลยยินยอมให้กระทำขึ้น ย่อมต้องถูกบังคับให้รื้อถอนและขนย้ายด้วยเช่นกัน การที่จำเลยก่อสร้างชั้นวางของขึ้นใหม่หลังจากรื้อถอนรั้วกำแพงคอนกรีตแล้ว จึงถือว่ายังมิได้ปฏิบัติตามคำบังคับให้ครบถ้วน จำเลยยังคงต้องชดใช้ค่าเสียหายเดือนละ 2,000 บาทที่มีอยู่ต่อเนื่องตราบเท่าที่จำเลยยังไม่รื้อถอนชั้นวางของออกไป