คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1406/2523

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 

สัญญาเช่าซื้อระบุว่า ผู้เช่าซื้อคือจำเลยที่ 1 ต้องประกันภัยรถยนต์คันที่เช่าซื้อไปจากโจทก์ และเสียเบี้ยประกันภัย โดยโจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ จำเลยที่ 1 จึงได้เอาประกันภัยรถพิพาทไว้กับบริษัทประกันภัย ต่อมาระหว่างชำระค่าเช่าซื้อไม่เสร็จ เช่นนี้ตามสัญญาเช่าซื้อมีว่า จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดต่อการสูญหายและเสียหายทุกชนิดอันเกิดขึ้นแก่รถยนต์ที่เช่าซื้อ เมื่อรถยนต์ที่เช่าซื้อไปเกิดสูญหายขึ้น โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคู่สัญญาใช้ราคารถยนต์ได้โดยตรงและที่ข้อสัญญาที่ให้ผู้เช่าซื้อต้องประกันภัยและเสียเบี้ยประกันภัยดังกล่าวข้างต้น ก็เป็นการที่ตกลงกันเพื่อประโยชน์ของบุคคลภายนอกคือโจทก์ ให้ได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเนื่องจากการสูญหายของรถยนต์ได้จากบริษัทประกันภัยอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งสิทธิของโจทก์จะเกิดมีขึ้นก็ต่อเมื่อได้แสดงเจตนาแก่บริษัทประกันภัยว่าจะถือเอาประโยชน์จากสัญญา และบริษัทประกันภัยก็อาจยกข้อต่อสู้อันเกิดแต่สัญญาประกันภัยที่มีต่อจำเลยที่ 1 ขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 376. การที่โจทก์ไม่ใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยแต่ได้เรียกร้องต่อจำเลยที่ 1 โดยตรงแม้จะเป็นเวลาภายหลังที่รถยนต์ได้หายไปแล้วเป็นเวลาถึง 3 ปี ก็หาใช่โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตแต่อย่างใดไม่
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 5
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 376
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 562
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 572
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 861

ผู้พิพากษา

จินดา บุญศิริ
โสพิทย์ คังคะเกตุ
พิศิษฏ์ เทศะบำรุง

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android