คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4263/2528

 แหล่งที่มา: กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละ 2 ปี และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จำเลยฎีกาว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการหลอกลวงผู้เสียหาย จึงไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง เป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริง และที่จำเลยฎีกาว่าแม้จำเลยจะได้ชำระราคาสินค้าด้วยเช็คและเช็คบางฉบับเรียกเก็บเงินไม่ได้ก็เป็นเรื่องที่ต้องว่ากล่าวในทางแพ่งและเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คอยู่แล้วจึงซ้ำซ้อนกับความผิดฐานฉ้อโกงนั้น ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์เพียงหยิบยกข้อเท็จจริงในเรื่องจำเลยจ่ายเช็คชำระราคาสินค้าประกอบการวินิจฉัยเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดฐานฉ้อโกง หาได้วินิจฉัยในเรื่องความผิดของจำเลยเนื่องจากจำเลยจ่ายเช็คชำระหนี้ไม่ข้อที่จำเลยฎีกาจึงเป็นการหยิบยกข้อเท็จจริงขึ้นฎีกาแตกต่างจากที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย เป็นฎีกาโต้แถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ข้อกฎหมาย ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว จำเลยกับพวกได้ร่วมกันตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดโดยไม่ได้จดทะเบียนแล้วนำชื่อห้างดังกล่าวไปอ้างใช้หลอกลวงเพื่อซื้อสินค้าจากผู้เสียหายหลายครั้งการซื้อชำระด้วยเงินสดบ้างชำระด้วยเช็คบ้าง ตอนแรกเช็คเบิกเงินได้บ้างซึ่งเป็นเพียงอุบายของจำเลยกับพวกเพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและขายสินค้าให้โดยจำเลยกับพวกมีเจตนาฉ้อโกงเอาสินค้าของผู้เสียหายโดยไม่ชำระราคามาแต่แรกพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าการกระทำของจำเลยกับพวกแม้จะกระทำหลายครั้งแต่ก็โดยมีเจตนาเดียวกันเพื่อจะฉ้อโกงผู้เสียหายการกระทำของจำเลยกับพวกต่อผู้เสียหาย จึงเป็นความผิดกรรมเดียวและเมื่อการกระทำของจำเลยกับพวกต่อผู้เสียหายแต่ละคนเป็นความผิดแต่ละกรรม ดังนั้น การกระทำของจำเลยกับพวกต่อผู้เสียหาย5 รายจึงเป็นความผิด 5 กระทง
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

ผู้พิพากษา

วิฑูรย์ ตั้งตรงจิตต์
โสภณ รัตนากร
วุฒิ ยุววิทยาพาณิชย์

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android