คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 337/2530

 แหล่งที่มา: สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
จำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้เรื่องนิติกรรมอำพรางไว้ในคำให้การ ทั้งในวันชี้สองสถานจำเลยยังแถลงรับว่าเดิม จำเลยซื้อที่ดินพิพาทจาก ณ.และต่อมาได้จดทะเบียนยกให้โจทก์โดยเสน่หา หลังจากนั้นโจทก์จำเลยจึงจดทะเบียนหย่ากัน จึงรับฟังได้ว่าจำเลยยกที่ดินดังกล่าวให้โจทก์โดยเจตนาที่แท้จริง ไม่มีปัญหาเรื่องนิติกรรมอำพราง ข้อเท็จจริงที่ศาลได้จากการตรวจคำฟ้อง คำให้การ ฟ้องแย้ง และคำให้การแก้ฟ้องแย้งรวมตลอดทั้งสอบถามคู่ความในชั้นชี้สองสถานเพียงพอแก่การวินิจฉัยคดีแล้ว ศาลชอบที่จะงดสืบพยานโจทก์เสียได้ไม่จำต้องสืบพยานให้ได้ความว่าการยกที่ดินพิพาทให้โจทก์เป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่. เมื่อจำเลยยกทรัพย์สินซึ่งเป็นสินสมรสส่วนของตนทั้งหมดให้แก่โจทก์และโจทก์ได้รับทรัพย์สินมาในระหว่างสมรส ดังนี้ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1471(3) ให้ถือว่าทรัพย์ที่ได้มานั้นเป็นสินส่วนตัว และบทบัญญัติมาตรานี้มิได้ใช้บังคับแต่เฉพาะกรณีที่บุคคลภายนอกเป็นผู้ยกทรัพย์สินให้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงกรณีที่สามีภริยายกทรัพย์สินให้แก่กันด้วย จำเลยจึงไม่มีสิทธิในทรัพย์สินดังกล่าวอีกต่อไป.
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1471
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183

ผู้พิพากษา

ไมตรี กลั่นนุรักษ์
วิฑูรย์ ตั้งตรงจิตต์
เฉลิม การปลื้มจิตต์

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android