คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2533

 แหล่งที่มา: เนติบัณฑิตยสภา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
เดิมมีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างให้ลูกจ้างหยุดพักรับประทานอาหารตั้งแต่เวลา 9-10.30 นาฬิกา โดยไม่ได้กำหนดเวลาแน่นอนว่าลูกจ้างคนใดจะต้องหยุดพักรับประทานอาหารในเวลาใด ต่อมานายจ้างมีคำสั่งกำหนดเวลารับประทานอาหารแก่ลูกจ้างเป็นเวลาแน่นอน โดยแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 30 นาที โดยกำหนดตามเวลาในข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างเดิม เพื่อเป็นระเบียบในการทำงาน ไม่ได้ยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงเวลาใหม่ดังนี้ นายจ้างย่อมมีอำนาจออกคำสั่งให้ลูกจ้างปฏิบัติตามได้ ถือว่าเป็นอำนาจในการบริหาร หาใช่เป็นการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่จะต้องมีการแจ้งข้อเรียกร้องตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ไม่ ลูกจ้างมีหน้าที่คุมเครื่องจักร ได้ละทิ้งหน้าที่ไปรับประทานอาหารก่อนเวลาที่กำหนดเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง โดยไม่มีผู้อื่นมาคุมเครื่องจักรแทน แต่ความเสียหายที่โจทก์ได้รับเป็นความเสียหายปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดในการทำงาน และโจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า โจทก์ได้รับความเสียหายร้ายแรงอย่างไร การละทิ้งหน้าที่ของลูกจ้างดังกล่าวจึงไม่ใช่ความผิดร้ายแรง โจทก์ไม่อาจเลิกจ้างได้โดยไม่เคยตักเตือนเป็นหนังสือมาก่อน ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 123(3) คำสั่งเลิกจ้างของโจทก์จึงเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม บทบัญญัติมาตรา 41(4) แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์พ.ศ. 2518 หาได้จำกัดว่าคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์จะมีคำสั่งได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น เพราะข้อความตอนท้ายบัญญัติให้อำนาจแก่คณะกรรมการสั่งให้ผู้ฝ่าฝืนปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งได้ตามสมควร คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์จึงมีอำนาจสั่งให้นายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานพร้อมทั้งชดใช้ค่าเสียหายด้วยได้
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 13
  • พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 41
  • พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 123

ผู้พิพากษา

ประคนธ์ พันธุ์วิชาติกุล
ศักดา โมกขมรรคกุล
ครีภูมิ สุวรรณโรจน์

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android