คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4198/2532

 แหล่งที่มา: เนติบัณฑิตยสภา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
โจทก์ฟ้องจำเลยในมูลหนี้ละเมิดโดยอาศัยอำนาจกรรมสิทธิ์ในที่ดินและบ้านพิพาท ไม่ได้ฟ้องบังคับตามสัญญาเช่า แม้คำฟ้องระบุว่าเดิมจำเลยเป็นผู้เช่าบ้านพิพาทมาก่อน แต่สัญญาเช่าสิ้นสุดลงแล้ว ก็เพียงแต่แสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่มีสิทธิที่จะอยู่ในบ้านพิพาทอีกต่อไปเท่านั้น การที่จำเลยคงอยู่ในบ้านพิพาทเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง แม้สำเนาโฉนดเป็นสำเนาเอกสาร แต่ต้นฉบับดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของทางราชการ ศาลย่อมรับฟังสำเนาเอกสารนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 123 วรรคสอง เมื่อสัญญาเช่าครบกำหนด ผู้ให้เช่าไม่ยอมต่อสัญญาให้โดยบอกว่าจะขายหรือขายที่ดินและบ้านพิพาทแล้ว ต่อมาในระยะต่อเนื่องกัน ผู้ซื้อไม่ประสงค์จะให้จำเลยอยู่ในบ้านที่พิพาทได้ฟ้องขับไล่จำเลย แม้จำเลยจะอยู่ในที่ดินและบ้านพิพาทต่อมาหลังจากครบกำหนดสัญญาแล้ว ก็ถือไม่ได้ว่าได้ทำสัญญาใหม่โดยไม่มีกำหนดเวลา เพราะผู้ให้เช่าได้ทักท้วงแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 570สัญญาเช่าระงับ โจทก์ผู้รับโอนบ้านและที่ดินพิพาทไม่จำต้องบอกเลิกสัญญาเช่าอีก
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 570
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 123
  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172

ผู้พิพากษา

ส่อง สุขะปุณณพันธ์
สวัสดิ์ รอดเจริญ
เดชา สุวรรณโณ

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android