คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 147/2532

 แหล่งที่มา: สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 

การที่จำเลยผู้ให้เช่าซื้อไปยึดรถยนต์พิพาทคืนจากโจทก์โดยโจทก์ผู้เช่าซื้อไม่ได้เป็นฝ่ายผิดนัดและสัญญาเช่าซื้อยังไม่เลิกกัน จำเลยจึงตกเป็นฝ่ายผิดสัญญา เมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อกับจำเลยแล้ว โจทก์จำเลยจึงต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม
จำเลยเป็นเจ้าของรถยนต์พิพาทโดยไม่มีตัวถัง โจทก์ผู้เช่าซื้อเป็นผู้ว่าจ้างให้ต่อตัวถังขึ้น กรณีจึงเป็นการเอาสังหาริมทรัพย์ของบุคคลหลายคนมาร่วมเข้าด้วยกันจนเป็นส่วนควบหรือแบ่งแยกไม่ได้ ตัวรถยนต์ของจำเลยถือได้ว่าเป็นทรัพย์ประธานจำเลยจึงเป็นเจ้าของทรัพย์ประธานที่รวมเข้าด้วยกันแต่เพียงผู้เดียว แต่ต้องใช้ค่าแห่งทรัพย์อื่นๆ ให้แก่เจ้าของทรัพย์นั้นๆตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1316 วรรคสอง เมื่อสัญญาเช่าซื้อเลิกกันจำเลยจึงต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายในการต่อตัวถังรถยนต์พิพาทให้แก่โจทก์
โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์พิพาทให้จำเลยเพียง 5 งวด แต่จากบันทึกการตรวจสภาพรถยนต์พิพาทประกอบกับโจทก์ใช้รถยนต์พิพาทขนส่งน้ำดื่ม เป็นระยะทางถึง 30,183 กิโลเมตร แสดงให้เห็นว่าโจทก์ใช้รถยนต์พิพาทตั้งแต่ต่อตัวถังเสร็จจนถึงวันที่จำเลยไปยึดรถยนต์พิพาทคืนมา เชื่อว่าใช้รถยนต์พิพาทอย่างน้อย 17เดือน โจทก์จึงใช้รถยนต์พิพาทเพื่อประโยชน์ของโจทก์โดยไม่ชำระค่าเช่าซื้อให้แก่จำเลยเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 12 เดือน เมื่อเปรียบเทียบกับค่าขาดประโยชน์ของโจทก์ซึ่งมีค่าเช่าซื้อรวมอยู่ด้วยนับแต่วันที่รถยนต์พิพาทถูกยึดถึงวันที่โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อเป็นเวลา 22 เดือนเศษแล้ว โจทก์จึงได้รับประโยชน์จากการใช้รถยนต์พิพาทโดยไม่ชำระค่าเช่าซื้อมากกว่าค่าขาดประโยชน์ที่โจทก์พึงได้รับ โจทก์จะเรียกให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายกรณีที่โจทก์ขาดประโยชน์จากการใช้รถยนต์พิพาทอีกหาได้ไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 107
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 572
  • ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1316

ผู้พิพากษา

บุญส่ง วรรณกลาง
ประชา บุญวนิช
นิเวศน์ คำผอง

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android