คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2534

 แหล่งที่มา: เนติบัณฑิตยสภา
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
ศาลชั้นต้นให้โอกาสจำเลยหาเงินมาชำระหนี้ตามเช็คพิพาทแก่โจทก์โดยเลื่อนการฟังคำพิพากษาไปนาน 2 เดือน แต่จำเลยไม่ชำระในวันนัดฟังคำพิพากษาโจทก์จำเลยไม่สามารถตกลงกันได้ จำเลยขอเลื่อนคดีไปอีกเพื่อรวบรวมเงินมาชำระหนี้โจทก์ โจทก์คัดค้านศาลชั้นต้นสั่งให้รอฟังคำพิพากษาในวันนั้น จำเลยจึงแถลงลอย ๆ ว่าจำเลยเตรียมเงินมาพร้อมที่จะชำระให้โจทก์ 90,000 บาท และจะถอนเงินประกันอีก 60,000 บาท ชำระหนี้โจทก์ รวมเป็นเงิน 150,000 บาท ซึ่งเท่ากับยอดเงินตามเช็คพิพาท ดังนั้นพฤติการณ์ของจำเลยแสดงให้เห็นได้ชัดว่าที่จำเลยขอเลื่อนคดีในตอนแรกนั้น จำเลยมีเจตนาที่จะประวิงคดี และข้อเสนอของจำเลยที่จะชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์เป็นไปอย่างมีชั้นเชิง แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ไม่มีเหตุที่จะลดโทษให้แก่จำเลย จำเลยอายุ 50 ปี สำเร็จการศึกษาเป็นเศรษฐศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยไปศึกษาต่อปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจที่ประเทศสหรัฐอเมริกามีอาชีพค้าขาย มีภาระต้องดูแลภรรยาและบุตร ผู้เยาว์อีก 4 คน และจำเลยพยายามขวนขวายหาเงินมาชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้โจทก์ ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาจำนวน150,000 บาท อันเป็นการบรรเทาผลร้ายแก่โจทก์ แม้จำเลยจะต้องคำพิพากษาในคดีอื่นให้ลงโทษจำคุก แต่คดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุดจึงถือว่าจำเลยยังไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน คดีมีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษจำคุกในคดีนี้ให้แก่จำเลย
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56
  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78
  • พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3

ผู้พิพากษา

จรัส อุดมวรชาติ
ไมตรี กลั่นนุรักษ์
อุไร คังคะเกตุ

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android