คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 123/2542

 แหล่งที่มา: สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
 เผยแพร่เมื่อ: 1 ม.ค. 2513 07:00:00

คำพิพากษาย่อสั้น

 
ตามปกติวิสัยของคนร้ายย่อมจะต้องปกปิดมิให้บุคคลอื่น รู้เห็นการกระทำความผิดของตน การที่ จ. รู้จักกับจำเลยมาก่อนเพราะเป็นญาติกัน หากจำเลยเป็นคนร้ายที่ยิงผู้ตาย จริงแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าขณะรถจักรยานยนต์ที่จำเลย นั่งซ้อนท้ายแล่นสวนทางกับรถจักรยานยนต์ที่ น.ขับจำเลยจะพยัก หน้าทักทายกับ จ. ทั้งไม่มีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าจำเลยจะยิงผู้ตายในขณะที่รถจักรยานยนต์ที่ น. ขับและ จ.นั่งซ้อนท้ายเพิ่งจะแล่นสวนทางกับรถจักรยานยนต์ที่จำเลยนั่งซ้อนท้ายไปเพียงครึ่งนาที ซึ่งรถจักรยานยนต์ที่ น. ขับและ จ.นั่งซ้อนท้ายแล่นไปได้เพียง 40 วาเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ความจากคำเบิกความของ พันตำรวจโท ย.พนักงานสอบสวนว่า หลังเกิดเหตุประมาณ1 ถึง 2 วัน จึงทราบว่าจำเลยเป็นคนร้าย โดยทราบจากการ สอบสวน ซึ่งหาก จ.รู้เห็นเหตุการณ์จริง จ.ย่อมจะแจ้งให้พนักงานสอบสวนทราบในคืนเกิดเหตุทันทีเพราะผู้ตาย เป็นน้องของตน แต่ จ.หาได้กระทำไม่แม้ ร.ภริยาผู้ตายจะเบิกความว่า ในคืนเกิดเหตุ หลังจากพยานดูศพผู้ตายแล้ว จ. และ น. ไปบอกพยานที่บ้านว่าเห็นจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายนั้นก็คงมี ร.เบิกความกล่าวอ้างลอย ๆจ. และ น.หาได้เบิกความถึงข้อนี้ไม่ ซึ่งหากเป็นความจริงแล้ว ร.คงจะไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวนในคืนเกิดเหตุเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธตั้งแต่ชั้นจับกุมตลอดมา พยานหลักฐานโจทก์มีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิด โดยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายหรือไม่ ต้องยกประโยชน์ แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย
 
 
 
 

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227

ผู้พิพากษา

อภิศักดิ์ พรวชิราภา
กนก พรรณรักษา
วิชา มั่นสกุล

แอปพลิเคชั่นค้นหาคำพิพากษาศาลฎีกา

ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for iOS ค้นหาฎีกา (Easy Deka) for Android